ทำกันได้ลง! นศ.ให้เพื่อนยืมบัญชีไปขายของออนไลน์ สุดท้ายโดนอายัด ไม่มีเงินจ่ายค่าหอ ต้องนอนใต้ตึกคณะ
วันที่ 14 พ.ย. 2568 ได้มีการลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีนักศึกษาชายวัย 22 ปี ชั้นปีที่ 3 ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง หลังได้รับการร้องเรียนว่าเดือดร้อนหนัก เนื่องจากเพื่อนนักศึกษาชาวเวียดนามขอยืมบัญชีธนาคารไปใช้ขายสินค้าออนไลน์ ก่อนที่บัญชีดังกล่าวจะถูกอายัด ทำให้เงินกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ที่โอนเข้ามาไม่สามารถถอนใช้ได้ และไม่สามารถติดต่อเพื่อนคนดังกล่าวได้ รวมถึงติดต่อพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีก็ไม่ได้ จึงเข้าขอความช่วยเหลือจากตำรวจ สภ.เมืองอุดรธานี
นักศึกษารายนี้เปิดเผยว่า ตนมีภูมิลำเนาที่อำเภอพรเจริญ จังหวัดบึงกาฬ อาศัยอยู่กับยายหลังพ่อแม่แยกทาง โดยยายส่งเสียให้เรียนด้วยเงินผู้สูงอายุ เมื่อเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จึงกู้เงิน กยศ. เพื่อเรียนต่อ มีรายได้จาก กยศ. เดือนละ 3,000 บาท ใช้จ่ายค่าหอพักเดือนละ 2,200 บาท รวมค่าน้ำไฟก็หมดพอดี ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นต้องทำงานพาร์ทไทม์ ได้ค่าจ้างวันละ 200 บาท จนได้รู้จักกับนักศึกษาชายชาวเวียดนาม ชั้นปีที่ 4 ซึ่งทำงานพาร์ทไทม์ที่เดียวกัน แม้จะไม่สนิทกันมากนักก็ตาม
กระทั่งปลายเดือนสิงหาคม นักศึกษาชาวเวียดนามได้ขอเลขที่บัญชีธนาคาร อ้างว่าจะใช้รับเงินจากการขายของออนไลน์ ตนไม่คิดว่าจะเกิดปัญหา จึงให้เลขบัญชีไป ไม่นานมีเงินโอนเข้ามา 50,000 บาท เจ้าตัวก็ถอนเงินให้เพื่อนไปตามที่ขอ หลังจากนั้นประมาณ 2 สัปดาห์ บัญชีถูกอายัด ทำให้ไม่สามารถทำธุรกรรมได้อีก
เมื่อใกล้เปิดภาคเรียน ตนจึงไปปรึกษาตำรวจเพื่อหาทางแก้ไข ได้รับคำแนะนำให้โทรติดต่อโรงพักที่อายัดบัญชี ครั้งแรกพนักงานสอบสวนรับสายแต่บอกว่าไม่สะดวกคุย เมื่อโทรกลับอีกครั้งก็ไม่รับสายอีกเลย
ตนค้างค่าหอพักมา 2 เดือน ด้วยความเกรงใจจึงขอย้ายออกและฝากของไว้ โดยตั้งใจว่าหากปลดอายัดบัญชีได้จะนำเงินไปชำระให้ครบ หลังเลิกเรียนช่วงเช้าจะไปทำงานพาร์ทไทม์ที่ศูนย์การค้า ก่อนกลับมาที่มหาวิทยาลัยทำงานกลุ่มหรืองานใช้แรงที่เพื่อนขอให้ช่วย และเมื่อดึกต้องนอนที่ใต้ถุนอาคารคณะ แม้ตามปกติจะไม่อนุญาตให้นักศึกษาพักค้างคืน แต่เพราะไม่มีที่ไปจึงจำเป็นต้องอาศัยนอนที่นั่นทุกคืน พร้อมตื่นเช้าเพื่ออาบน้ำและเตรียมตัวไปเรียนตามปกติ
เช้าวันเกิดเหตุ เจ้าตัวเดินจากมหาวิทยาลัยไปยัง สภ.เมืองอุดรธานี ระยะทางราว 1.5 กิโลเมตร เพื่อขอความช่วยเหลืออีกครั้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบถามและให้ความเห็นว่า การให้บุคคลอื่นใช้บัญชีธนาคาร อาจเข้าข่ายการทำบัญชีม้า แต่ก็ยอมช่วยโทรประสานงานไปยังโรงพักต้นทาง อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ตำรวจแนะนำให้ใช้เงินสดไปก่อน และให้ไปสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากห้องแจ้งความคดีออนไลน์เพื่อหาชื่อพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี
นักศึกษารายนี้กล่าวว่า ยายทราบเรื่องแล้วแต่ก็ช่วยเหลืออะไรไม่ได้มาก เนื่องจากมีเพียงเงินผู้สูงอายุไว้เลี้ยงชีพ ตนเองไม่อยากรบกวนยาย ส่วนเพื่อนชาวเวียดนามที่ทำให้เกิดปัญหา ตนไม่ได้โกรธแค้นแต่โทษตัวเองที่หลงเชื่อเพื่อนมากเกินไป เหตุการณ์นี้เป็นบทเรียนว่าการไว้ใจผู้อื่นโดยไม่มีข้อมูลอาจนำมาซึ่งความเดือดร้อนรุนแรง โดยเฉพาะการให้ผู้อื่นใช้บัญชีธนาคารของตน






