สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม เผยข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำในลุ่มเจ้าพระยา โดยระบุว่าขณะนี้มี พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมเพิ่มขึ้นจากการระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยา ซึ่งจำเป็นต้องเร่งระบายเพื่อรองรับมวลน้ำจากภาคเหนือที่ยังคงไหลลงมาอย่างต่อเนื่อง

จากภาพข้อมูลดาวเทียมของ GISTDA พบว่า พื้นที่ที่ปรากฏเป็น สีฟ้า คือพื้นที่น้ำท่วมในปัจจุบัน ส่วนใหญ่กระจายอยู่ในทุ่งรับน้ำหลักหลายแห่ง

-ทุ่งรับน้ำท่าวุ้ง

-ทุ่งรับน้ำบางกุ้ง

-ทุ่งรับน้ำป่าโมก

-ทุ่งรับน้ำบางบาล-บ้านแพน

-ทุ่งรับน้ำผักไห่

-ทุ่งรับน้ำเจ้าเจ็ด

-ทุ่งรับน้ำโพธิ์พระยา

รวมพื้นที่น้ำท่วมกว่า 490,000 ไร่ โดยน้ำได้เอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่เกษตร ชุมชน และเส้นทางคมนาคมหลายจุด

ขณะที่พื้นที่ สีส้ม เป็นเขตที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบเพิ่มเติม หากมีการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาในอัตรา 2,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที อย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจทำให้พื้นที่ได้รับผลกระทบเพิ่มอีกประมาณ 70,000-80,000 ไร่ โดยเฉพาะบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท อำเภออินทร์บุรี อำเภอสิงห์บุรี อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี จนถึงอำเภออุทัย อำเภอบางปะอิน และอำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ส่วนพื้นที่ สีแดง เป็นเขตที่มีความเสี่ยงสูง หากมีการเพิ่มอัตราการระบายน้ำเป็น 2,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จะทำให้พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 350,000 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ลุ่มต่ำในจังหวัดชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี และปทุมธานี ซึ่งเป็นจุดที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เนื่องจากระดับน้ำอาจเพิ่มสูงและเอ่อเข้าท่วมพื้นที่เกษตร รวมถึงชุมชนริมแม่น้ำ

GISTDA ระบุว่า สถานการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของลุ่มน้ำเจ้าพระยา ที่ต้องเผชิญทั้งมวลน้ำเหนือและฝนตกในพื้นที่ตอนล่างพร้อมกัน พร้อมเน้นย้ำว่า การเตรียมความพร้อมล่วงหน้าและการแจ้งเตือนอย่างทันท่วงที คือหัวใจสำคัญในการลดความเสียหาย

หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงขอให้ประชาชนในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา โดยเฉพาะในเขตสีส้มและสีแดง เร่งขนย้ายของขึ้นที่สูง และติดตามประกาศจากภาครัฐอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง