ช็อก! แร็ปเปอร์ชื่อดัง เจอคดียาเสพติด ก่อนหน้าลือเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของอินฟลูเอนเซอร์สาว (ข่าวต่างประเทศ)
จากสื่อต่างประเทศ ได้รายงานว่า เนมวี (Namewee) หรือชื่อจริง วี เหมิงจือ แร็ปเปอร์ชาวมาเลเซีย วัย 42 ปี ถูกตั้งข้อหายาเสพติด 2 กระทง หลังถูกจับกุมในโรงแรมกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์เมื่อวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยตำรวจพบยาเม็ดสีน้ำเงิน 9 เม็ด เชื่อว่าเป็นยาอี น้ำหนักรวมประมาณ 5.12 กรัม

พล.ต.ต.ฟาดิล มาร์ซัส ผู้บัญชาการตำรวจนครกัวลาลัมเปอร์ เปิดเผยว่า เนมวีถูกควบคุมตัวและนำส่งสถานีตำรวจดังกวังงี จากนั้นได้มีการตรวจปัสสาวะซึ่งพบสารเสพติดถึง 4 ชนิด ได้แก่ แอมเฟตามีน เมทแอมเฟตามีน เคตามีน และ THC (สารออกฤทธิ์ในกัญชา) ก่อนถูกควบคุมตัวไว้เป็นเวลา 2 วัน
ต่อมาเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม เขาถูกตั้งข้อหาในศาลภายใต้พระราชบัญญัติยาเสพติดอันตราย 2 กระทง ได้แก่ “ครอบครองยาเสพติด” และ “เสพยาเสพติด” โดยเจ้าตัวยืนยันปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ศาลอนุญาตให้ประกันตัวในวงเงินรวม 8,000 ริงกิต (ราว 72,000 บาท) พร้อมผู้ค้ำประกันท้องถิ่นหนึ่งราย คดีมีกำหนดนัดฟังคำสั่งศาลอีกครั้งในวันที่ 18 ธันวาคมนี้

โดยรายงานจาก China Press และ China Times ระบุเพิ่มเติมว่า หากเนมวีถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อกล่าวหาทั้งสอง เขาอาจต้องโทษจำคุกอย่างน้อย 2 ปี และถูกเฆี่ยนไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง พร้อมโทษปรับตามดุลยพินิจของศาล ส่วนความผิดฐานใช้ยาเสพติดมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 ริงกิต และอาจอยู่ในเงื่อนไขรอลงอาญาได้ถึง 3 ปี
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันเดียวกับที่อินฟลูเอนเซอร์สาวชาวไต้หวัน “เซียะ หยูซิน” หรือ “ไอริส เซียะ” (Iris Hsieh Yu-hsin) ถูกพบเสียชีวิตในอ่างอาบน้ำของโรงแรมเดียวกัน สร้างกระแสข่าวลือโยงเนมวีเข้ากับคดีดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ตำรวจมาเลเซียระบุอย่างชัดเจนว่า จากการตรวจสอบไม่พบร่องรอยการล่วงละเมิดทางเพศ และยังไม่พบหลักฐานเชื่อมโยงเขากับการเสียชีวิตของหญิงสาวคนนี้
เมื่อเจ้าหน้าที่แพทย์มาถึงที่เกิดเหตุ เนมวีอยู่ในอาการตื่นตระหนกและพยายามเดินออกจากพื้นที่ ก่อนจะถูกตำรวจควบคุมตัวเพื่อสอบสวนเพิ่มเติม หลังถูกควบคุมตัว 2 วัน เขาถูกปล่อยตัวชั่วคราว แต่กลับตกเป็นกระแสโจมตีอย่างหนักในโซเชียลมีเดีย
เนมวีเป็นที่รู้จักในไทยจากผลงานเพลงที่ร่วมสร้างกับศิลปินไทย เช่นเพลง “Thai Love Song” และ “Thai Cha Cha” ที่เขาทำร่วมกับยูทูบเบอร์ชื่อดัง บี้เดอะสกา ซึ่งสะท้อนความรักต่อวัฒนธรรมไทยในมุมสนุกสนานและเป็นกันเอง พร้อมทั้งผสมผสานจังหวะฮิปฮอปเข้ากับทำนองไทยร่วมสมัยได้อย่างลงตัว ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในศิลปินเอเชียที่เชื่อมโยงวัฒนธรรมระหว่างประเทศผ่านดนตรีได้อย่างโดดเด่น







