ออยเลอร์ ร่ำไห้เปิดใจ ไม่ได้รับการตอบรับจากนายห้างดัง ปมลิขสิทธ์เพลง
เรียกได้ว่า เป็นนักร้องสาวที่เสียงดีอีกคน อย่าง ออยเลอร์ ที่เคยออกมาเล่าเรื่องปมลิขสิทธ์เพลงของตัวกับนายห้างคนดัง ล่าสุด เจ้าตัวได้เปิดใจว่า จริง ๆ ออยมองว่าเรื่องนี้มันไม่ได้ซับซ้อน เพียงแต่เราไม่มีโอกาสได้คุยกันตรงไปตรงมา บางทีอีกฝั่งนึงอาจจะลืมไปหรือเปล่า เรื่องที่เราตกลงกันไว้ ถ้าเกิดเราได้คุยกัน หรือเอาหลักฐานมาโชว์ ออยเชื่อว่ามันจะเข้าใจง่ายมากๆ
ออยติดต่ออาจารย์ไป ปกติเราจะคุยผ่านแชทอยู่แล้ว แต่เราไม่ได้คำตอบ ทิ้งแชทไว้แต่ก็อ่านรับรู้แล้ว ไม่ได้รับการตอบรับมา ออยก็เลยได้โพสต์ไป เป็นเรื่องราวดราม่าในโซเชียล ทุกคนก็อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เป็นยังไงบ้าง หลังจากที่ออยโพสต์ออกไป ออยก็พยายามทำตามขั้นตอนเท่าที่ตัวเองรู้ว่ามันทำยังไงได้บ้าง มีการยื่นโนติสไปหาอาจารย์ เขาก็รับรู้แล้ว เซ็นรับแล้ว แต่ก็ยังเงียบอยู่จนถึงตอนนี้
ที่มันวนกลับมาเกิดเป็นเรื่องราวอีกรอบนึง เพราะอาจารย์มีการไลฟ์ มีคนดูไปคอมเมนต์ถามว่า เรื่อง ออยเลอร์เป็นยังไง ก็ได้คำตอบกลับมาประมาณว่า ถ้าเป็นเรื่องน้องคนนั้น ก็ตามนั้นเลย น้องมาโดยที่ไม่ได้เซ็นสัญญาอะไรต่อกัน เป็นการคุยกันจริงๆ แต่ว่าไม่ได้ตกลงกัน รายได้อะไรที่มันเกิดขึ้นไปแล้ว ก็ตกกระไดพลอยโจนไป ก็จบไปแล้ว ไม่รู้แล้ว ไม่มีแล้ว เขาพูดแบบนั้น

แต่จริงๆ ออยมองว่า มันจะพูดแบบนั้นไม่ได้ สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะเรื่องรายได้ มันเกิดขึ้นแล้ว มันจะไปตกกระไดพลอยโจนไม่ได้แล้ว ที่บอกว่าเข้ามาโดยไม่ได้เซ็นสัญญากัน คือตอนนั้นหนูอยู่ต่างประเทศ เขาอยู่ที่ไทย คุยกันว่าจะเอาเพลงของหนูโยกไปลงที่ช่องของเขา ทุกอย่างเป็นออนไลน์ มีการพิมพ์แชทคุยกัน ชัดเจน ส่งเอกสารให้หนูไปพักเรียนจากที่นั่นก็เป็นเอกสารจากบริษัท มันก็ชัดเจนแล้วว่าโพรเซสทุกอย่างเกิดขึ้นแล้ว หนูก็ปิดเพลงจากช่องหนูให้ ไปลงช่องเขา จริงๆ ตอนนั้นถ้าหนูไม่ปิด ตอนนี้หนูจะได้ทั้งหมดของเรา
แต่ตอนนั้นเลือกที่จะรับข้อเสนอเขา โดยการเอาเพลงเราไปลงช่องเขา แบ่ง 70/30 เราก็เข้าใจได้ว่าเราต้องเสีย 30 เปอร์เซ็นต์ เพราะอยู่ช่องเขาแล้ว มีคนซับเยอะ เป็นฐานแฟนคลับของเขา ซึ่งเราเสีย 30 ก็ถูกแล้ว ก็แฟร์ แต่มันคิดไม่ถึงว่าวันหนึ่งเราจะไม่ได้เลย ส่วน 70 ที่คุยกันไว้ สุดท้ายถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้อะไร
ถามว่าข้อตกลงกัน มันมีเป็นลายลักษณ์อักษรหมดเลย หนูถึงบอกว่าเราไม่ได้คุยกัน แล้วอาจารย์อาจจะลืมหรือเปล่า สุดท้ายอยากให้อาจารย์มาคุยกัน หนูเป็นเด็ก พยายามติดต่อไปแล้ว ทำให้มันน่ารักที่สุดแล้ว แค่หนูเปิดให้ดู หนูเชื่อว่าเขาจะ อ๋อ อาจารย์ลืม หรือเปล่า อะไรอย่างนี้ หนูคิดแบบนั้น หนูไม่ได้คิดว่าเขาจะมาใจร้ายกับหนูขนาดนั้นหรอก คิดว่าเขาอาจจะลืม หรือเข้าใจสับสน เพราะเขาก็มีงานหลายอย่างหลายจ๊อบที่เขาทำ ออยก็ยังหวังว่าเขาจะมาคุยกันอยู่
มีผู้ใหญ่เป็นตัวกลางช่วยเคลียร์มั้ย? ไม่มีค่ะ แต่หนูอยากให้มี เราคุยกันเองทำแล้ว แต่มันไม่ดีขึ้น ถ้าเกิดว่ามีผู้ใหญ่หรือว่ามีพื้นที่ตรงไหนที่สามารถคุยกันได้ มันก็ดีค่ะ แต่ถ้าสุดท้ายเรื่องนี้มันเป็นเพราะหนูเข้าใจผิดอะไรบางอย่าง หนูจะได้รู้ว่า อ๋อ เข้าใจผิด หนูจะได้ยอมรับได้แบบสบายใจเต็มใจ ให้มันจบไป แต่ขอให้หนูได้ทราบเหตุผล แต่ทั้งนี้ก็ถามแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น จะเป็นยังไงต่อ แต่ก็ได้คำตอบว่า ไม่รู้ ไม่เกี่ยว ให้มันตกกระไดพลอยโจนไป มันแปลกมากเลย นายห้างระดับประเทศที่จะพูดในพื้นฐานการทำงานแบบนี้ หนูก็อยากให้เขาลองมาคุยกันดู โดยมีผู้ใหญ่เป็นคนกลาง

ได้ปรึกษาทนาย เกี่ยวกับเรื่องจะดำเนินคดีได้มั้ย?
กับเรื่องนี้มีทนายมาให้ความรู้เยอะเลยค่ะ พี่ๆ ทนายบอกไม่ยากเลย แต่ส่วนตัวหนูยังคงมองว่า ด้วยความที่มันไม่ยากนี่แหละ เราจะไม่ทำให้มันยาก เราจะมาคุยกันให้มันง่ายได้ยังไง เราจะเดินไปที่ศาลทำไม ในเมื่อเราก็รู้อยู่แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ ซึ่งหนูกับเขาไม่ได้ทะเลาะกันมาก่อน หนูไม่ได้เรื่องบาดหมางใจกันมาก่อน แต่แค่พอเกิดเรื่องนี้ มันแปลก มันดูเหมือนคนทะเลาะกัน หนูอาจจะเคยพูดไปในไลฟ์บ้างว่า เขาดูเหมือนตั้งการ์ดรับหนูตลอดเลย ทั้งที่หนูไม่ได้เป็นเหมือนเคสคนอื่นนะ หนูไม่ได้มาชวนทะเลาะ เขาเจอดราม่าเรื่องราวเยอะแล้วเขาก็ไฝว์ๆ ตลอด พอเกิดเรื่องหนูปุ๊บเขาก็เลยเหมือนตั้งการ์ดจะไฝว์จะสู้อย่างเดียว ซึ่งอาจารย์อย่าลืมว่าวันที่เราคุยกันวันแรก คุยเหมือนหนูเป็นลูกเลย ลูกรัก แล้วหนูก็เชื่อแบบนั้น หนูศรัทธาเขาแบบนั้นในตอนแรก หนูเชื่อว่าเขาคืออาจารย์ หนูก็เรียกเขาว่าอาจารย์ เราก็เลยไม่ได้คิดถึงขั้นว่าจะต้องไปขึ้นโรงขึ้นศาล มันเป็นปลายทางสุดท้ายจริงๆ ก็อาจจะ
ยืดเยื้อมานานแค่ไหนแล้ว? 8 ปี หนูก็งงตัวเองเหมือนกัน เราไม่ได้อยากจะสร้างศัตรู หรือมีการตั้งโต๊ะว่าฉันขึ้นศาลเพื่อที่ใครสักคนจะต้องแพ้หรือใครสักคนต้องชนะ มันต้องมีฝั่งแพ้ชนะ หนูไม่ได้ต้องการแบบนั้นเลย แค่ให้มันวินกันทั้งคู่ ไปกันได้ เพลงถูกกลับมาเปิดแล้วทุกอย่างรันต่อ หนูเป็นคนที่ง่ายๆ มาก ถ้าหนูไม่ง่ายมันคงไม่ยืดเยื้อมาถึง 8 ปี แต่หนูแค่รู้สึกว่าอยากให้ทุกอย่างมันรันต่อไปได้ ลึกๆ มันก็เป็นประวัติศาสตร์ของเราด้วยที่มันจะมีเพลง 90 ล้าน 100 ล้านเพิ่มขึ้นมาอีก 1 เพลง บางคนอาจจะบอกว่าทำไมออยไม่มูฟออน ถ้าจะทิ้งก็ทิ้งเลย เริ่มต้นใหม่ หนูก็ทำใหม่ค่ะแต่มันไม่สามารถทำใหม่ให้เป็นแบบเดิมได้ ซึ่งเพลงใหม่ 260 ล้าน 300 ล้าน 100 ล้าน มันทำมาแล้วก็เกิดขึ้น มันคนละเรื่อง

คิดว่าจะจบยังไง หนูไม่ทราบเลยค่ะ เพราะว่าเรามีธงของเราชัดเจนว่าเข้ามาเคลียร์ มันจะด้วยวิธีไหน มีการแบ่งให้ถูกต้อง หรือมีข้อเสนอแบบไหนก็คุยกันจะดีกว่า หนูก็ไม่แน่ใจไม่ทราบว่าทำไม เพราะอะไร ถึงไม่คุย แล้วการที่เขาไม่คุย เขาบอกว่ามันไม่มี มันไม่เกิดขึ้น ก็ให้มีเหตุผลอีกนิดนึงว่าเพราะอะไร หนูสามารถยอมรับได้ว่ามันจะเป็นยังไงหรือมันจะผิดที่หนู ก็สามารถยอมรับได้ เรื่องนี้จะได้ไปบอกกับทุกคนว่าทำแบบนี้มันมีช่องโหว่แบบนี้อยู่ ให้มันเรียนรู้กันไปในเคสของคนอื่นด้วย
อยากให้เขาเปิดใจรับฟังที่หนูพูด ไม่ล้อเล่นกับความรู้สึกของหนู หนูสัมผัสได้หลายอย่าง ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็แล้วแต่ อย่างเช่น แม่หนูมาแชร์คลิปข่าวหนู ฝั่งนั้นมากดหัวเราะที่แม่แชร์ รู้สึกว่าอันนี้ย่ำยีหนูมาก ใจร้ายกับหนูมาก เขาก็มีลูกเหมือนกัน เขาก็มีแม่ เขาน่าจะเข้าใจว่ามันจะต้องรู้สึกยังไง(น้ำตาคลอเสียงสั่น) หนูรู้สึกว่ามันเป็นการล้อเล่นกับความรู้สึกมากกว่าเรื่องธุรกิจ ถามว่าเป็นการกลั่นแกล้งมั้ย แกล้งมั้ย หนูว่านิสัยแต่ละคนไม่เหมือนกัน เขาอาจจะรูู้สึกปกติก็ได้ในสิ่งที่เขาทำ เขาอาจจะรู้สึกเป็นเรื่องธรรมดา หรือชินหรือเปล่า หนูไม่รู้ แต่สำหรับหนูอ่อนไหวกับเรื่องนี้ หนูไม่ได้มองเป็นเรื่องปกติที่แม่เราเศร้ามากที่ลูกเจอเรื่องแบบนี้ แล้วแม่ไปแชร์ว่าสงสารลูกมาก แล้วเขามากดหัวเราะ







