
เจนนี่ แพ้เสียงในหัว! เล่าย้อนทุกดรามาที่ผ่านมาในชีวิต
วันที่ 13 ตุลาคม 2568 รายการ โหนกระแส เปิดเวทีพูดคุยกับ เจนนี่ รัชนก สุวรรณเกตุ หรือ เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น ศิลปินและนักธุรกิจสาวที่เพิ่งสร้างปรากฏการณ์ยอดขายทะลุ 264 ล้านบาท ภายในเวลาเพียง 4 วัน จากการไลฟ์สดขายสินค้า โดยหนึ่งในไฮไลต์ คือการไลฟ์สินค้าแบรนด์ LYO ของ หนุ่ม กรรชัย ที่สามารถสร้างยอดขายถึง 19 ล้านบาทในเวลาเพียง 10 นาที
ท่ามกลางกระแสความสำเร็จ เจนนี่ยังเปิดใจถึงประเด็นดรามาใหญ่ในชีวิต กับความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดกับ แม่เกตุ มารดาของเธอเอง ซึ่งกลายเป็นที่สนใจของสังคมหลังทั้งคู่มีการไลฟ์สดตอบโต้กันอย่างดุเดือด
เจนนี่เล่าย้อนถึงช่วงเริ่มต้นในวงการบันเทิงว่า ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา เธอเผชิญกับดรามามาโดยตลอด ตั้งแต่กระแสเพลงดัง เลิกคุยทั้งอำเภอ จนถึงประเด็นที่ศิลปินในค่าย ได้หมดถ้าสดชื่น ทยอยลาออก เนื่องจากมีเสียงวิจารณ์ว่าเธอบริหารจัดการค่ายไม่ดี แม้เรื่องเหล่านั้นจะผ่านมานาน แต่เจนนี่ยอมรับว่า ภาพจำจากเรื่องราวในอดีตก็ยังคงอยู่ในสายตาหลายคน
เธอยังกล่าวถึงดรามาส่วนตัวเรื่องความรักกับ ยิว ฉัตรมงคล ว่า หลังจากคบกันเพียงไม่นานก็มีการแต่งงานและตั้งครรภ์ จนถูกวิจารณ์ว่า ท้องเร็วเกินไป โดยเจนนี่เล่าแบบติดตลกว่า จริงๆ เรามีอะไรกันตั้งแต่ 4 วันแรกเลยค่ะ ช่วงนั้นโควิด ไม่มีอะไรทำ จนทีมงานและผู้ชมในรายการต่างตกใจ เธอจึงกล่าวขำๆ ว่า โอ๊ย หนูขอโทษค่ะ มันแพ้เสียงในหัว!
หัวใจสำคัญของการพูดคุยในวันนี้คือปัญหาส่วนตัวกับ แม่เกตุ ซึ่งกลายเป็นประเด็นใหญ่ในสังคมออนไลน์ หลังเจนนี่ออกมาประกาศว่าจะ ไม่ขอรับผิดชอบหนี้สินของแม่อีกต่อไป
เจนนี่เผยว่า ที่ผ่านมาเธอให้เงินเดือนแม่หลักแสนบาท และเคยช่วยเคลียร์หนี้ไปแล้วหลายล้าน แต่ปัญหาก็ยังคงเกิดขึ้นซ้ำซาก โดยเฉพาะหนี้ที่เกิดจากการเล่นหวยจำนวนมาก เธอจึงตัดสินใจ หยุด เพื่อไม่ให้กระทบกับครอบครัวอีกต่อไป
หลังจากนั้น แม่เกตุ ได้ออกมาไลฟ์สดตอบโต้ทั้งน้ำตา ยอมรับว่ามีหนี้จริง แต่ปฏิเสธว่าไม่เคยเล่นการพนันหรือเข้าบ่อน ขณะที่เจนนี่ก็ไลฟ์สดชี้แจงทันที พร้อมเปิดเผยว่า ความตึงเครียดจากเรื่องนี้เคยส่งผลจนเกือบทำให้เธอและ ยิว ฉัตรมงคล ต้องเลิกรากัน นอกจากนี้ ยิวยังเผยว่า เคยถูกแฟนใหม่ของแม่โทรมาข่มขู่ถึงขั้นจะเอาชีวิต
เจนนี่เผยด้วยน้ำตาว่า
หนูยังไม่ได้คุยกับแม่เลยค่ะ ยังไม่กล้าปลดบล็อก เพราะกลัวว่าแม่จะโกรธ และไม่เข้าใจสิ่งที่หนูทำ ที่หนูออกมาพูด เพราะอยากให้แม่คิดได้ ไม่ใช่เพื่อประณามแม่
เธอยืนยันว่า สิ่งที่ทำในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการตัดขาดความรัก แต่เป็นการพยายาม “แก้ปัญหาให้จบ” ก่อนที่ลูกๆ ของเธอจะเติบโตขึ้น และต้องเผชิญกับเรื่องราวซ้ำรอยเดิม
แม่อาจมองว่าความคิดของตัวเองถูก แต่ในความจริงแล้ว มันอาจไม่ใช่... หนูคิดเรื่องนี้มานานกว่า 3 ปีแล้ว และตัดสินใจทำอย่างเด็ดขาด เพราะไม่อยากให้เรื่องนี้กลายเป็นกรรมที่ส่งต่อถึงรุ่นลูก
แม้จะกล้าพูดและกล้าตัดสินใจ แต่เจนนี่ก็ยอมรับว่า ยังรู้สึกไม่แน่ใจว่า สิ่งที่ทำไปนั้น ถูกต้อง หรือไม่
ทุกครั้งที่เห็นคลิปแม่ร้องไห้ หนูเองก็รับไม่ไหว หนูเจ็บปวดมาก... แต่ในฐานะลูก หนูก็อยากให้แม่ได้เรียนรู้และเติบโตจากเหตุการณ์นี้ไปด้วยกัน