ย้ายรถใต้ตึก ก่อนเจาะกำแพง รื้ออาคารสน.สามเสน
วันที่ 4 ตุลาคม 2568 การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) รายงานความคืบหน้ากรณีถนนสามเสนทรุดตัวบริเวณหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล โดยล่าสุดเจ้าหน้าที่เตรียม รื้อถอนอาคารสถานีตำรวจนครบาลสามเสน หลังพบโครงสร้างเสี่ยงอันตราย เพื่อความปลอดภัยก่อนดำเนินการถมดินและซ่อมถนนต่อ
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการแก้ไขถนนทรุด พร้อมสั่งการให้ รฟม. และผู้รับจ้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน - ราษฎร์บูรณะ (สัญญา 1) เร่งร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการ ประเมินความปลอดภัย และ คืนสภาพถนนให้เร็วที่สุด เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชน
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายกิตติกร ตันเปาว์ รองผู้ว่าการ รฟม. ฝ่ายวิศวกรรมและก่อสร้าง แถลงว่า คณะทำงานด้านวิศวกรรมและความปลอดภัย ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญและผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ๆ อาทิ กรมโยธาธิการฯ กทม. และวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ได้ตรวจสอบพบว่า
-ทรายที่ถมไปเริ่มเกิดรอยร้าว
-ดินมีการสไลด์ตัวเพิ่มขึ้น
-และ เสาต้นที่ 3 ของ สน.สามเสน เกิดการขาดเพิ่มเติม
จากสภาพที่พบ คณะทำงานเห็นตรงกันว่า อาคาร สน.สามเสนไม่ปลอดภัยในการใช้งานในอนาคต และเพื่อความปลอดภัยสูงสุดในการซ่อมแซมถนน จำเป็นต้องดำเนินการ รื้อถอนอาคารบางส่วนโดยเร่งด่วน
แผนดำเนินงานเร่งด่วน
-ย้ายรถทั้งหมด ที่จอดอยู่ใต้อาคาร โดยจะทำการเจาะกำแพงด้านหลังเพื่อนำรถออก
-รื้อถอนอาคารบางส่วน โดยเฉพาะฝั่งที่เสี่ยงต่อการถล่ม เพื่อลดน้ำหนักและอันตราย
-เสริมโครงสร้างฝั่งซ้ายของอาคาร เพื่อป้องกันดินสไลด์เพิ่ม
-ติดตามความปลอดภัย อาคารใกล้เคียง เช่น แฟลตตำรวจ อาคาร รพ.วชิรพยาบาล และอาคารห้องแถวประชาชน แม้ยังไม่พบความเคลื่อนไหว แต่จะเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ การถมดินในจุดถนนทรุดจะชะลอออกไปก่อนจนกว่าการรื้อถอนจะเสร็จสิ้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงเพิ่มเติม โดยทุกขั้นตอนเน้น ความปลอดภัยเป็นหลัก ซึ่งอาจกระทบกำหนดคืนพื้นที่บ้างเล็กน้อย แต่จะมีการประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและแจ้งความคืบหน้าให้ประชาชนทราบเป็นระยะ
ด้านนายกิตติกร ตันเปาว์ รองผู้ว่าการ รฟม. เผยว่า ขณะนี้ คณะกรรมการตรวจสอบสาเหตุซึ่งจัดตั้งโดยกระทรวงคมนาคม อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล โดยยังไม่สามารถสรุปสาเหตุได้ชัดเจน เนื่องจากต้องลงไปตรวจสอบใต้ดินอย่างละเอียด และประสานข้อมูลจากทุกฝ่ายให้ครบถ้วน
ขณะนี้ภารกิจหลักคือ ควบคุมความเสียหายไม่ให้ลุกลาม และเร่ง คืนสภาพถนน ให้ประชาชนใช้งานได้โดยเร็วที่สุด






