พรรคไทยก้าวใหม่ พูดแล้ว ถึงรัฐบาล ปมรบกัมพูชา
วันที่ 16 ธันวาคม 2568 นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ ดร.เอ้ หัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่ ออกมาแสดงความเห็นต่อสถานการณ์ความรุนแรงตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งดำเนินต่อเนื่องมานานกว่า 1 สัปดาห์ ส่งผลให้ประชาชนชาวไทยจำนวนหลายแสนคนต้องอพยพออกจากพื้นที่เสี่ยงไปพักอาศัยในศูนย์อพยพต่าง ๆ
นายสุชัชวีร์ ระบุว่า รัฐบาลจำเป็นต้องมีการบริหารจัดการศูนย์อพยพอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ประชาชนได้รับความปลอดภัยสูงสุด โดยเฉพาะเด็กเล็กและเยาวชนที่อพยพมากับครอบครัว ควรได้รับการจัดการศึกษาชดเชย หลังจากต้องหยุดเรียนเนื่องจากโรงเรียนในพื้นที่ปะทะถูกปิด นอกจากนี้ ผู้อพยพยังต้องเผชิญภาระทางการเงินจำนวนมาก ทั้งหนี้สิน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่างวดผ่อนชำระ และเงินกู้ต่าง ๆ แม้ไม่สามารถประกอบอาชีพหรือหารายได้ได้ตามปกติ แต่ดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันยังคงดำเนินต่อไป
ขณะเดียวกัน ยังมีคนไทยอีกนับพันคนที่ตกค้างอยู่ในประเทศกัมพูชา ซึ่งมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยอย่างมาก และจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่เห็นแนวทางหรือมาตรการที่ชัดเจนจากรัฐบาลว่าจะดำเนินการอย่างไรในการนำคนไทยเหล่านี้กลับประเทศ
หัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่ยังเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีออกมาสื่อสารกับประชาชนอย่างตรงไปตรงมา ว่ารัฐบาลมีทิศทางและนโยบายอย่างไรต่อสถานการณ์นี้ จะเร่งหาทางยุติความขัดแย้งหรือจำเป็นต้องเดินหน้าการสู้รบต่อ เพื่อให้ทุกภาคส่วนสามารถวางแผนอนาคตของตนเองได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้อพยพที่ต้องการกลับไปใช้ชีวิตและทำงานตามปกติ ผู้ประกอบการที่ต้องวางแผนธุรกิจ รวมถึงภาคการส่งออกที่กำลังกังวลต่อความเสี่ยงจากมาตรการขึ้นภาษีของสหรัฐอเมริกา
นายสุชัชวีร์ เตือนว่า หากสถานการณ์ยังคงไม่มีความชัดเจน อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม โดยเฉพาะจีดีพีในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้และช่วงต้นปีหน้า ซึ่งอาจต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากรัฐบาลไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและภาคธุรกิจได้ พร้อมตั้งข้อสังเกตถึงประเด็นภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เคยระบุว่าสหรัฐฯ จะไม่ใช้มาตรการภาษีมากดดันให้ไทยและกัมพูชาหยุดยิง แต่ภายหลังผู้นำสหรัฐฯ กลับให้สัมภาษณ์ว่าจะใช้การขึ้นภาษีกดดันทั้งสองประเทศ ซึ่งอาจทำให้ไทยเสียเปรียบเวียดนามในการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ทันที
ทั้งนี้ นายสุชัชวีร์ เปิดเผยว่า ในวันพุธที่ 17 ธันวาคม 2568 จะเดินทางลงพื้นที่จังหวัดสระแก้ว เพื่อเยี่ยมเยียนผู้ประสบภัยและตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลสนาม นอกจากการให้กำลังใจแล้ว ยังต้องการรับฟังปัญหาและผลกระทบที่เกิดขึ้นจริงจากประชาชนในพื้นที่ด้วยตนเอง เพื่อสะท้อนสถานการณ์ต่อสาธารณะและผลักดันแนวทางแก้ไขต่อไป






