กลาโหมเขมร เคลื่อนไหวแล้ว! อ้างไทยโจมตีไม่เลือกหน้า
วันที่ 12 ธันวาคม 2568 กระทรวงกลาโหมกัมพูชาเผยแพร่รายงานอัปเดตสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 4 และ 5 โดยระบุว่า กองทัพไทยยังคงละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและปฏิญญาร่วมที่ผู้นำสองประเทศลงนามเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2025 ด้วยการใช้อาวุธโจมตีฝั่งกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง จนถึงเช้าวันที่ 12 ธ.ค. พร้อมไทม์ไลน์เหตุปะทะตั้งแต่วันที่ 11-12 ธันวาคม
กระทรวงกลาโหมกัมพูชาระบุว่า เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม การโจมตีจากกองทัพไทยรุนแรงเป็นพิเศษและมุ่งเป้าไปยังพื้นที่พลเรือน รวมถึงโรงเรียนประถม โรงพยาบาล และยังสร้างความเสียหายแก่ปราสาทตาควายและปราสาทพระวิหาร ซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมและมรดกโลกของกัมพูชา ชี้ว่าเป็นการกระทำที่ ไร้คุณธรรมและไม่เคารพต่อมรดกมนุษยชาติ
พลโท มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา เรียกร้องให้กองทัพไทยยุติการใช้กำลังโดยทันที หยุดเผยแพร่ข้อมูลเท็จ และหยุดการโจมตีเป้าหมายพลเรือน พร้อมย้ำว่าการทำลายโบราณสถานถือเป็นการโจมตีมรดกทางวัฒนธรรมของโลก ไม่ใช่เพียงของกัมพูชาเท่านั้น
นอกจากนี้ กัมพูชายังส่งสัญญาณว่า หากไทยต้องการสันติภาพที่แท้จริง ต้องแสดง การกระทำที่เป็นรูปธรรม โดยยุติการปฏิบัติการที่ผิดกฎหมายทั้งหมด พร้อมกลับมาปฏิบัติตามปฏิญญาหยุดยิงที่ทั้งสองประเทศลงนาม ท่ามกลางสักขีพยานอย่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนหมุนเวียน
กัมพูชายังเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศประณามไทยอย่างหนักแน่นต่อการละเมิดปฏิญญาร่วม และการกระทำที่เข้าข่ายอาชญากรรมสงคราม พร้อมกดดันให้ไทยรับผิดชอบอย่างเต็มที่ โดยขอให้ไทยหยุดปฏิบัติการทั้งหมด ถอนกำลังออกจากดินแดนกัมพูชา และหลีกเลี่ยงการกระทำที่คุกคามสันติภาพในภูมิภาค
ทางการกัมพูชายืนยันว่า กองทัพของตนปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายมนุษยธรรมอย่างเคร่งครัด โดยสิทธิในการป้องกันตนเองจะมุ่งเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารของไทยเท่านั้น ไม่ใช่พื้นที่พลเรือน พร้อมย้ำว่ากองทัพกัมพูชาจะยืนหยัดปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนด้วยความกล้าหาญ
รัฐบาลกัมพูชาขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในทหารแนวหน้าและสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจในช่วงสถานการณ์วิกฤต ขณะที่ยืนยันว่าชาติจะไม่ยอมจำนนต่อแรงกดดันหรือการข่มขู่ใดๆ พร้อมเดินหน้าปกป้องอธิปไตยและศักดิ์ศรีของประเทศอย่างแน่วแน่






