สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชากลับมาร้อนระอุอีกครั้ง หลังทางการกัมพูชาออกแถลงการณ์ กล่าวหาไทยว่า เป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีในพื้นที่แอนเซส พร้อมทั้งยิงปืนรถถังใส่จุดยุทธศาสตร์รอบปราสาทตาเมือนธม และ เขาพระวิหาร ขณะที่ฝ่ายไทย ยืนยันเสียงแข็งว่า กัมพูชา เป็นผู้เริ่มก่อเหตุ และ ล้ำแดนเข้ามาก่อนจนทำให้เกิดการปะทะ

กัมพูชา ระบุผ่านโฆษกกระทรวงกลาโหม ว่า เหตุยิงเกิดขึ้นช่วงเช้ามืดวันที่ 8 ธันวาคม โดยอ้างว่า ทหารไทย โจมตีหลังเกิดเหตุยั่วยุหลายครั้งในรอบหลายวัน โดยเฉพาะเหตุบริเวณ Prorlean Thmar วันที่ 7 ธันวาคม ขณะเดียวกันกัมพูชาย้ำว่า ไม่ได้ใช้กำลังตอบโต้ในเหตุการณ์ทั้งสองครั้ง และ ติดตามสถานการณ์ด้วยความระมัดระวังขั้นสูง

รัฐบาลพนมเปญ ยังแจ้งเหตุการณ์ดังกล่าวไปยังคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) พร้อมเตรียมร้องให้มีการสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อให้เกิดความโปร่งใส และ ลดความลำเอียงในประเด็นที่อ่อนไหวนี้ นอกจากนี้ ยังประณามไทย ว่า ใช้กำลังเกินจำเป็น และ ละเมิดปฏิญญาร่วมไทย-กัมพูชาที่ลงนาม วันที่ 26 ตุลาคม 2025 มีผู้นำสหรัฐฯ และมาเลเซียร่วมเป็นสักขีพยาน

กัมพูชา เรียกร้องให้ประชาคมโลกประณามไทย พร้อมกดดันให้ไทยรับผิดชอบต่อการกระทำที่ระบุว่า เป็นการรุกราน รวมถึงหยุดกิจกรรมที่เป็นภัยต่อเสถียรภาพในภูมิภาค พร้อมย้ำว่า ฝ่ายกัมพูชายังคงยึดมั่นในข้อตกลงหยุดยิงทุกฉบับ และ มุ่งแก้ไขข้อพิพาทด้วยสันติวิธีตามกฎหมายระหว่างประเทศ

ด้านไทย พล.อ. ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่า การกระทรวงกลาโหม ยืนยันว่า กัมพูชาเป็นฝ่ายยั่วยุ และ ล้ำแดนเข้ามาก่อน ขณะที่โฆษกกองทัพบก พล.ต. วินธัย สุวารี ชี้แจงว่า ทหารกัมพูชา นำกำลังเข้ามาในพื้นที่ภูผาเหล็ก-พลาญหินแปดก้อน จ.ศรีสะเกษ ระหว่างที่ไทยกำลังปรับปรุงเส้นทางในเขตแดนไทย ก่อนจะยิงใส่ชุดรักษาความปลอดภัย ทำให้ฝ่ายไทยจำเป็นต้องตอบโต้ตามกฎการใช้กำลัง จนกลายเป็นเหตุปะทะในที่สุด

เรียบเรียงโดย news.in.th