หลังจากสถานการณ์น้ำท่วมผ่านไป การทำความสะอาดและฟื้นฟูบ้านเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องเร่งดำเนินการ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ ความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงาน เพราะน้ำท่วมมักปนเปื้อนเชื้อโรคและสารเคมีที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้โดยไม่รู้ตัว บทความนี้สรุปวิธีทำความสะอาดพื้นที่หลังน้ำท่วมอย่างถูกวิธี พร้อมข้อควรระวังที่ทุกครัวเรือนควรรู้

เพื่อให้การทำความสะอาดมีประสิทธิภาพสูงสุดและลดความเสี่ยงต่อสุขภาพ ควรปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้

1. ใช้น้ำยาทำความสะอาดชนิดเดียวในแต่ละครั้ง

หลีกเลี่ยงการผสมน้ำยาหลายชนิดเข้าด้วยกัน เพราะอาจเกิดปฏิกิริยาทางเคมีจนกลายเป็นก๊าซพิษ ส่งผลให้เวียนศีรษะ หายใจติดขัด หรือเป็นอันตรายถึงชีวิต

2. สวมอุปกรณ์ป้องกันครบชุด

เพื่อป้องกันการสัมผัสเชื้อโรค สารเคมี และเศษวัสดุ ควรเตรียมและสวมใส่อุปกรณ์ดังนี้

-ถุงมือยางหนา

-หน้ากากป้องกันเชื้อโรค

-รองเท้าบูทยางกันน้ำ

-เสื้อผ้าที่ปิดมิดชิดทั้งร่างกาย

อุปกรณ์เหล่านี้ช่วยลดความเสี่ยงจากเชื้อโรคและการบาดเจ็บระหว่างทำความสะอาด

3. เลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับงาน

พื้นที่หลังน้ำท่วมมักมีโคลน คราบสกปรก และเชื้อโรค การเลือกน้ำยาที่เหมาะสมจะทำให้ทำความสะอาดง่ายขึ้นและได้ผลดี เช่น

-ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อที่มีแอลกอฮอล์น้อยกว่า 70% สำหรับพื้นผิวที่สัมผัสบ่อย

-ใช้ผงซักฟอกหรือน้ำยาถูพื้นทั่วไป สำหรับคราบสกปรกทั่วไป

สิ่งที่ห้ามทำเด็ดขาดระหว่างทำความสะอาด

-น้ำยาทำความสะอาดหลายชนิดห้ามผสมกัน

-น้ำยาที่มีคลอรีน ห้ามผสมกับน้ำยาอื่น

-น้ำส้มสายชู ห้ามผสมกับน้ำยาฟอกขาว

-น้ำยาล้างท่อ ห้ามผสมกับน้ำยาประเภทอื่น

-น้ำยาฟอกขาว ห้ามใช้ร่วมกับน้ำยาทั่วไป

การผสมสารเคมีเหล่านี้จะทำให้เกิดก๊าซพิษรุนแรง โดยเฉพาะในพื้นที่ปิด เช่น ห้องน้ำ หรือห้องครัว

คำแนะนำเพิ่มเติมเพื่อความปลอดภัย

-เปิดประตู-หน้าต่างเพื่อระบายอากาศขณะทำความสะอาด

-หลีกเลี่ยงการเดินเท้าเปล่า เพราะอาจเจอเศษของแหลมหรือสารเคมีตกค้าง

-ให้เด็ก ผู้สูงอายุ หรือสัตว์เลี้ยงอยู่ห่างจากพื้นที่ทำความสะอาด

-หากรู้สึกแสบตา หน้ามืด หรือเวียนศีรษะ ให้หยุดทำงานและออกมาสูดอากาศ

-หากพบเชื้อรา ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อและสวมหน้ากาก N95

แหล่งที่มา กรมการแพทย์