วันที่ 22 พฤศจิกายน 2568 สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดนครศรีธรรมราชเริ่มคลี่คลายในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะตามถนนสายหลักทั้งในเขตเทศบาลและพื้นที่โดยรอบ สามารถกลับมาใช้สัญจรได้หลังฝนเริ่มทิ้งช่วง แม้จะยังคงพบร่องรอยความเสียหายจำนวนมากและจำเป็นต้องรอการฟื้นฟูเยียวยาจากหน่วยงานภาครัฐ ทั้งนี้ ท้องฟ้าในหลายพื้นที่ยังมืดครึ้มและมีฝนตกเป็นระยะ เจ้าหน้าที่กู้ภัยและหน่วยงานต่าง ๆ ยังคงนำสิ่งของบรรเทาทุกข์เข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง

สำหรับพื้นที่ที่ยังน่าเป็นห่วง ได้แก่ พื้นที่ลุ่มต่ำและพื้นที่รับน้ำก่อนระบายลงทะเลในเขตอำเภอเมือง โดยเฉพาะตำบลท่าซักและตำบลปากนคร ชาวบ้านยังต้องใช้เรือเป็นพาหนะในการเดินทางเข้าออกหมู่บ้าน เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นจุดรับน้ำจากในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราชก่อนระบายสู่ทะเล แต่ยังคงประสบปัญหาน้ำทะเลหนุนสูง ทำให้การระบายน้ำเป็นไปอย่างล่าช้า ขณะเดียวกัน พื้นที่ตำบลท้ายสำเภา อำเภอพระพรหม มีกำลังทหารนำรถบรรทุกขนาดใหญ่เข้าช่วยลำเลียงอาหารและสิ่งของจำเป็นแจกจ่ายให้ประชาชน

จังหวัดนครศรีธรรมราชได้ประกาศเขตภัยพิบัติรวม 19 อำเภอ

อำเภอชะอวด, เมือง, ท่าศาลา, พรหมคีรี, ทุ่งสง, ร่อนพิบูลย์, นาบอน, สิชล, ฉวาง, เฉลิมพระเกียรติ, หัวไทร, ลานสกา, พระพรหม, บางขัน, ช้างกลาง, ปากพนัง, จุฬาภรณ์, นบพิตำ และทุ่งใหญ่

รวมพื้นที่ได้รับผลกระทบ 121 ตำบล 885 หมู่บ้าน 111 ชุมชน รวมกว่า 136,670 ครัวเรือน 397,207 คน และมีรายงานผู้เสียชีวิต 4 ราย

นอกจากนี้ ยังมีเหตุการณ์สูญเสียในพื้นที่น้ำท่วม

ที่วัดเชิงแตระ หมู่ 6 ตำบลท้ายสำเภา อำเภอพระพรหม พระภิกษุรูปหนึ่งถูกไฟฟ้าชอร์ตเสียชีวิตขณะนำอาหารไปให้ปลาในสระของวัด

ในตำบลท่าประจะ อำเภอชะอวด เกิดเหตุประชาชนถูกไฟฟ้าชอร์ต 8 ราย ระหว่างช่วยกันย้ายสิ่งของหนีน้ำ โดยมีผู้บาดเจ็บสาหัส 4 ราย และเสียชีวิตที่โรงพยาบาล 1 ราย

จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการช่วยเหลือและฟื้นฟูพื้นที่ที่ยังประสบภัยอย่างต่อเนื่อง