หยุดกินแบบผิดๆ! ผัก 5 ชนิด ที่หลายคนคุ้นเคย ทำร้ายตับไม่แพ้แอลกอฮอล์
จากเว็บต่างประเทศ ได้รายงานว่า ตับเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นอวัยวะกำจัดสารพิษที่ใหญ่ที่สุดของร่างกาย ทำหน้าที่เผาผลาญและขับสารพิษทุกวัน อย่างไรก็ตาม นอกจากแอลกอฮอล์หรือยาเสพติดแล้ว ตับยังต้องเผชิญกับสารพิษที่อาจเกิดขึ้นจากผักที่คุ้นเคยในมื้ออาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผ่านกระบวนการแปรรูปหรือเลือกอย่างไม่ถูกต้อง การระบุและกำจัดสารพิษเหล่านี้อย่างจริงจังเป็นขั้นตอนสำคัญในการปกป้องตับจากความเสี่ยงต่อความเสียหายและโรคภัย
ต่อไปนี้คือผัก 4 ชนิดที่คุ้นเคย แต่เมื่อรับประทานเข้าไป กลับก่อให้เกิดภาระหนักต่อตับ ก่อให้เกิดมะเร็งตับได้ง่าย:
1. มะเขือเทศเขียวที่ยังไม่สุก
มะเขือเทศที่ยังไม่สุกมีอัลคาลอยด์จำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งโซลานีน ซึ่งเป็นสารพิษตามธรรมชาติ โซลานีนเป็นสารพิษที่ทำให้เกิดโรคทางเดินอาหารเฉียบพลันและสร้างภาระอย่างมากต่อการทำงานของตับ
เมื่อร่างกายต้องได้รับโซลานีนเป็นประจำ ตับจะต้องทำงานหนักเพื่อย่อยสลายและกำจัดสารพิษนี้ การได้รับมากเกินไปซ้ำๆ อาจทำให้การทำงานของเซลล์ตับบกพร่องในระยะยาว
2. ผักทุกชนิดที่มีเชื้อรา
ไม่ว่าผักชนิดใด เมื่อเชื้อราปรากฏขึ้นต้องกำจัดออกทันที เชื้อราผลิตสารพิษร้ายแรงที่เรียกว่าไมโคท็อกซิน ซึ่งสารพิษที่น่ากลัวที่สุดคืออะฟลาทอกซิน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งชั้นนำ
อะฟลาทอกซินเป็นสารก่อมะเร็งตับที่รุนแรงมากและย่อยสลายได้ยากด้วยความร้อนสูงระหว่างการปรุงอาหาร เมื่อรับประทานเข้าไป สารพิษนี้จะโจมตีเซลล์ตับโดยตรง ทำให้เกิดความเสียหายต่อดีเอ็นเอ และเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะตับวายเฉียบพลันหรือมะเร็งอย่างรวดเร็ว การกำจัดส่วนที่เป็นเชื้อราออกไปนั้นไม่เพียงพอ เนื่องจากสารพิษได้แพร่กระจายลึกเข้าไปแล้ว
3. ถั่วงอกไร้ราก
ถั่วงอกไร้รากมักถูกผลิตขึ้นอย่างรวดเร็วโดยใช้สารกระตุ้นการเจริญเติบโตหรือสารเคมีระหว่างการแช่และการหมัก สารเคมีเหล่านี้จะถูกดูดซึมเข้าสู่ถั่วงอกและกลายเป็นสารพิษแปลกปลอม (ซีโนไบโอติกส์) เมื่อเข้าสู่ร่างกายมนุษย์
ตับมีหน้าที่เผาผลาญและกำจัดสารที่ไม่เป็นธรรมชาติเหล่านี้ การสัมผัสสารเคมีตกค้างอย่างต่อเนื่องทำให้เซลล์ตับเสียหายโดยตรงและเพิ่มความเสี่ยงต่อการสร้างเซลล์ผิดปกติ
4. พืชตระกูลถั่วที่ปรุงไม่สุก
พืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วแดงหรือถั่วพุ่ม มีสารต้านสารอาหารและสารพิษ เช่น ไฟโตเฮแมกกลูตินิน (เลกติน) เมื่อปรุงไม่สุก สารเหล่านี้ก่อให้เกิดอาการผิดปกติของระบบย่อยอาหาร และต้องผ่านกระบวนการกำจัดโดยตับก่อนที่จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถั่วแดงดิบมีสารซาโปนินและเลกตินซึ่งทำลายตับ การปรุงให้สุกอย่างทั่วถึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อเปลี่ยนสภาพโปรตีนและกำจัดสารพิษให้หมดสิ้น ช่วยปกป้องการทำงานของตับจากความเสียหายที่เกิดจากสารต้านสารอาหาร
5. มันฝรั่งที่เปลี่ยนเป็นสีเขียวหรือแตกหน่อ
เช่นเดียวกับมะเขือเทศสีเขียว มันฝรั่งที่เปลี่ยนเป็นสีเขียวหรือแตกหน่อยังมีสารโซลานีนและชาโคนีน (ไกลโคอัลคาลอยด์ที่เป็นพิษ) สะสมอยู่ในระดับสูง ซึ่งเป็นกลไกการป้องกันตัวเองของพืช แต่เป็นพิษต่อตับของมนุษย์
สารพิษนี้แม้เพียงเล็กน้อยก็ทำให้เกิดพิษและกระตุ้นให้ตับเร่งกระบวนการกำจัดสารพิษ ห้ามรับประทานมันฝรั่งที่เขียวหรือเด็ดยอดอ่อนออกเด็ดขาด เพราะการทำเช่นนี้ไม่ได้ช่วยกำจัดสารพิษที่แพร่กระจายไปทั่วหัวมันฝรั่ง






