เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา นายภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ ส.ส.พรรคประชาชน ออกมาโพสต์เตือนถึงความรุนแรงของปัญหามลพิษข้ามแดนจากเหมืองในประเทศเพื่อนบ้าน หลังตรวจพบการปนเปื้อนสารหนูในแหล่งน้ำหลายพื้นที่ภาคอีสาน ได้แก่ เลย บึงกาฬ หนองคาย และนครพนม ซึ่งมีค่าที่สูงเกินมาตรฐานจนเข้าขั้นน่าห่วง พร้อมตั้งคำถามว่ารัฐบาลกำลัง ละเลยและซ่อนข้อมูลจากสาธารณะ หรือไม่

มีรายงานว่า กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ตรวจพบสารหนูเกินเกณฑ์เกือบสองเท่าใน 4 จุดตรวจ แต่ข้อมูลดังกล่าวกลับไม่ถูกเผยแพร่บนเว็บไซต์หลักของ คพ. และไปปรากฏเพียงในพื้นที่เล็ก ๆ บนเว็บไซต์สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 9 อุดรธานี ซึ่งนายภัทรพงษ์มองว่าเป็นสัญญาณของการเพิกเฉยต่อวิกฤตด้านสิ่งแวดล้อม

ส.ส.พรรคประชาชนระบุด้วยว่า การแก้ไขปัญหาที่ต้นตอถูกปล่อยทิ้งมานานกว่า 1 ปี โดยรัฐบาลยังตั้งคณะทำงานซ้ำซ้อน แต่ไม่ได้จัดสรรงบเฉพาะกิจสำหรับภารกิจเร่งด่วนนี้ ซ้ำร้ายรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องยัง ไม่เข้าร่วมประชุม บนเวทีความร่วมมือระดับนานาชาติถึงสองครั้ง ทั้งการประชุมอาเซียน และการประชุมสิ่งแวดล้อมอาเซียน-จีน เมื่อวันที่ 12 และ 21 ตุลาคม โดยมอบหมายให้รองปลัดเข้าร่วมแทน ทำให้ไทยสูญเสียโอกาสสำคัญในการเจรจาแก้ปัญหามลพิษข้ามแดนร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน

นายภัทรพงษ์ยังระบุว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญ ภัยเงียบ จากการสะสมสารพิษในชีวิตประจำวัน ทั้งในน้ำประปา อาหาร และแม้แต่ในร่างกายประชาชนเอง จากข้อมูลทางการแพทย์พบการปนเปื้อนสารหนูในปัสสาวะของประชาชนหลายราย ขณะที่การตรวจสอบสารปนเปื้อนในผลผลิตการเกษตร โดยเฉพาะข้าวในพื้นที่เสี่ยง ก็ยังไม่ได้รับการดำเนินการอย่างจริงจัง

เขาเรียกร้องให้รัฐบาลหยุดนิ่งเฉยและเร่งดำเนินการ 2 แนวทางสำคัญ คือ

1.ด้านการต่างประเทศ - กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศต้องเปิดเจรจาพหุภาคีอย่างเร่งด่วนกับเมียนมา ลาว และจีน เพื่อจัดทำแผนแก้ไขปัญหามลพิษข้ามแดนอย่างเป็นรูปธรรม

2.ภายในประเทศ - รัฐบาลต้องเปิดเผยข้อมูลจริงต่อสาธารณะ พร้อมจัดสรรงบประมาณและบุคลากรเพียงพอสำหรับตรวจสอบและจัดการปัญหาในพื้นที่เสี่ยง เพื่อปกป้องสุขภาพประชาชนไม่ให้สารพิษสะสมเพิ่มขึ้นอีก

ส.ส.ประชาชนทิ้งท้ายว่า หากยังไม่รับมืออย่างจริงจัง ปัญหานี้จะกลายเป็นภัยระยะยาวที่กระทบคนไทยทั้งภูมิภาค และส่งผลต่อความมั่นคงด้านสิ่งแวดล้อมและอาหารของประเทศ