สิงห์บุรี พบจุดแตก พนังกั้นน้ำ ทำมวลน้ำทะลัก ปภ.เตือนขั้นสูงสุด
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 หลังจาก เขื่อนเจ้าพระยา เพิ่มอัตราการระบายน้ำท้ายเขื่อนมากกว่า 2,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เกิดเหตุ คันดิ นอกพนังกั้นน้ำแตก ที่บริเวณบ้านบางพระนอน หมู่ 1 ตำบลทับยา อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี โดยจุดแตกมีความกว้างประมาณ 2 เมตร ส่งผลให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่ชุมชนอย่างต่อเนื่อง
สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสิงห์บุรี (ปภ.สิงห์บุรี) ได้ส่งข้อความแจ้งเตือนระดับ ขั้นสูงสุด ระบุว่า คันดินริมแม่น้ำเจ้าพระยาในพื้นที่บ้านบางพระนอน หมู่ 1 ตำบลทับยา ชำรุด ทำให้น้ำไหลเข้าพื้นที่ชุมชน และระดับน้ำมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
ประชาชนในพื้นที่ หมู่ 1-หมู่ 4 ตำบลทับยา, โรงพยาบาลอินทร์บุรี และบริเวณใกล้เคียง ขอให้รีบยกของขึ้นที่สูง เคลื่อนย้ายรถไปจอดในพื้นที่ปลอดภัย และเคลื่อ ย้ายกลุ่มเปราะบางออกจากจุดเสี่ยงทันที
นายเชนท์ คนชาน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 เปิดเผยว่า จุดที่เกิดรอยรั่วมีขนาดใหญ่มาก และด้วยแรงดันน้ำระดับนี้ เชื่อว่าจะเกิดรอยแตกเพิ่มเติมในจุดอื่นอย่างแน่นอน
จากประสบการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมา ระดับน้ำและแรงดันขนาดนี้ ป้องกันไม่ได้แน่นอน เราแจ้งชาวบ้านให้รีบยกของขึ้นที่สูงแล้ว และให้นำรถไปจอดบนถนนสา สิงห์บุรี-ชัยนาท (สาย 311) ซึ่งใช้เป็นพื้นที่อพยพชั่วคราว นายเชนท์ กล่าว
ด้าน นายณรงค์พันธ์ แจ่มจันทร์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสิงห์บุรี เปิดเผยว่า ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่พร้อมอุปกรณ์ลงพื้นที่ทันที
ตอนนี้เรานำเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่มาเพิ่มอีก 2 เครื่อง และมีอีก 1 เครื่องกำลังเดินทางมาจากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป้าหมายคือ สูบสู้ ไม่ปล่อยให้น้ำไหลเข้าโดยธรรมชาติ
พร้อมระบุว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรีและอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้หารือแนวทางร่วมกันเพื่อ ลดผลกระทบให้ประชาชนมากที่สุด โดยได้นำรถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัยและเรือท้องแบนจากเขต 16 จังหวัดชัยนาท มาประจำการที่ วัดพระนอน แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างติดตั้งเครื่องสูบน้ำทั้งหมด
เราจะพยายามชะลอน้ำไม่ให้เข้าสู่บ้านเรือนมากเกินไป จนกว่าน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาจะเริ่มลดระดับ นายณรงค์พันธ์ กล่าว
ขณะที่เสียงสะท้อนจากประชาชนในพื้นที่ ระบุว่า อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกรมชลประทาน บริหารจัดการน้ำให้สมดุลมากกว่านี้
ทำไมไม่ปล่อยน้ำลงทุ่งสองฝั่งบ้าง ตอนนี้คลองชลประทานกับคลองมหาราชยังแห้งอยู่ ถ้าช่วยปล่อยน้ำออกบ้าง น่าจะช่วยบาลานซ์กับแม่น้ำเจ้าพระยาได้ เพราะตอนนี้น้ำล้นตลิ่งแล้ว ชาวบ้านรายหนึ่งกล่าว
บางรายยังตั้งข้อสังเกตว่า ปริมาณการระบายน้ำที่ประกาศว่า 2,500-2,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที อาจสูงกว่านั้นจริง โดยเปรียบเทียบกับปี 2565 และปี 2554 ที่มีระดับน้ำใกล้เคียงกันเกิน 3,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
อยากให้กรมชลช่วยดูความจริงตรงนี้ด้วย ถ้าปรับระบายลงสองฝั่งบ้าง จะช่วยลดภาระแม่น้ำเจ้าพระยาได้มาก
ขณะเดียวกัน สามเณรและพระจาก วัดพระนอน พร้อมชาวบ้านจิตอาสาได้ช่วยกันกรอกกระสอบทรายและกางผ้าใบเสริมแนวป้องกัน เพื่อสกัดน้ำไม่ให้ทะลักเข้าสู่ชุมชนเพิ่มเติม
เจ้าหน้าที่ ปภ. ยังคงเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมเตรียมประกาศอพยพเพิ่มเติมหากระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น






