อนุทิน หารือ ลอว์เรนซ์ หว่อง ขอสิงคโปร์ขยายเครือข่ายข่าวกรอง ร่วมปราบสแกมเมอร์
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 8 พฤศจิกายน 2568 (ตามเวลาท้องถิ่นสิงคโปร์ เร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง) นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางเยือนสาธารณรัฐสิงคโปร์อย่างเป็นทางการ
โดยได้เข้าร่วมพิธีต้อนรับและตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ ณ กระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจาก นายลอว์เรนซ์ หว่อง นาย รัฐมนตรีสิงคโปร์ ภายหลังจากนั้น ทั้งสองฝ่ายได้หารือทวิภาคี ณ ห้อง Heritage ชั้น 2 กระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์
นายกรัฐมนตรีไทยได้ขอบคุณรัฐบาลสิงคโปร์สำหรับการต้อนรับอย่างอบอุ่นในการเยือนอย่างเป็นทางการครั้งแรก รวมถึงพิธีตั้งชื่อกล้วยไม้ในช่วงเช้า และแสดงความซาบซึ้งต่อ นายลี เซียนลุง อดีตนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ที่ได้เดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
ด้านนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ได้กล่าวแสดงความอาลัยต่อการเสด็จสวรรคต พร้อมแสดงความยินดีที่ได้ต้อนรับนายกรัฐมนตรีไทยในช่วงต้นของการดำรงตำแหน่ง พร้อมระบุว่า การเยือนครั้งนี้มีความหมายสำคัญ เนื่องในโอกาสครบรอบ 60 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-สิงคโปร์ สะท้อนมิตรภาพอันยาวนานของทั้งสองชาติ ซึ่งมีรากฐานลึกซึ้งตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ที่เคยเสด็จเยือนสิงคโปร์ และพระราชทานรูปหล่อช้างสำริดไว้เป็นที่ระลึก ณ อาคารรัฐสภาเก่าของสิงคโปร์
ผู้นำทั้งสองเห็นพ้องร่วมกันผลักดัน ความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ที่มองไปข้างหน้า (Forward-looking Strategic Partnership) เพื่อสร้างผลประโยชน์ร่วมทั้งในระดับทวิภาคีและภูมิภาค โดยให้ความสำคัญกับ 3 ด้านหลัก
เศรษฐกิจสีเขียวและพลังงานสะอาด
เศรษฐกิจดิจิทัลและเทคโนโลยีสมัยใหม่
ความมั่นคงทางอาหารและพลังงาน
ทั้งสองประเทศเห็นพ้องขับเคลื่อนเป้าหมายการเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593 และร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจการซื้อขายคาร์บอนเครดิตฉบับแรกของสิงคโปร์ในอาเซียน พร้อมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีพลังงานสะอาด และสนับสนุนโครงการไฟฟ้าเชื่อมโยงลาว–ไทย–มาเลเซีย–สิงคโปร์ (ระยะที่ 2)
ไทยประกาศพร้อมเป็นแหล่ง ความมั่นคงทางอาหาร ให้สิงคโปร์ ผ่านการลงนามบันทึกความร่วมมือด้านการค้าข้าว รวมถึงหารือการลงทุนร่วมในธุรกิจแปรรูปอาหาร และตั้งคณะทำงานด้าน Food Security นายกรัฐมนตรีระบุว่า ไทยไม่เพียง ขายอาหาร แต่ขาย ความมั่นคงทางอาหาร ให้พันธมิตรในภูมิภาค
ขณะเดียวกัน ทั้งสองฝ่ายยังผลักดันความร่วมมือด้าน เศรษฐกิจดิจิทัล โดยไทยขอบคุณสิงคโปร์ที่สนับสนุนการเข้าร่วมความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) และร่วมกำหนดมาตรฐานสากลด้านการค้าออนไลน์ เพื่อสนับสนุนธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก ไทยยังมุ่งผลักดันให้ลงนาม กรอบความตกลงเศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียน (DEFA) ให้สำเร็จภายในปีหน้า
นอกจากนี้ ไทยได้เชิญชวนภาคเอกชนสิงคโปร์ลงทุนในโครงการ Thailand Digital Valley จ.ชลบุรี และขยายความร่วมมือด้านฟินเทค โดยเฉพาะโครงการเชื่อมโยงระบบการชำระเงินข้ามพรมแดน ระหว่าง พร้อมเพย์ (PromptPay) ของไทย และ เพย์นาว (PayNow) ของสิงคโปร์ ซึ่งเป็นต้นแบบในภูมิภาค
ทั้งสองฝ่ายลงนามบันทึกความร่วมมือด้านสาธารณสุขเพื่อพัฒนาศักยภาพผู้นำด้านการดูแลผู้สูงอายุในเมือง รวมถึงหารือความร่วมมือด้านแรงงาน โดยไทยพร้อมพัฒนาทักษะแรงงานสู่ อุตสาหกรรมอนาคต โดยเฉพาะทักษะดิจิทัลและเทคโนโลยีสีเขียว
ในด้านความมั่นคง ไทยและสิงคโปร์เห็นพ้องสานต่อการฝึกร่วมทางทหาร พร้อมส่งเสริมความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ วิจัยเทคโนโลยีทางทหาร และแลกเปลี่ยนองค์ความรู้
นายกรัฐมนตรีไทยได้ขอรับความร่วมมือจากสิงคโปร์ในการต่อสู้กับ อาชญากรรมข้ามชาติและการหลอกลวงออนไลน์ โดยไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมระดับนานาชาติว่าด้วยการแก้ปัญหาดังกล่าว และเชิญสิงคโปร์เป็นพันธมิตรหลัก
ทั้งสองประเทศยังยืนยันร่วมกันเสริมสร้างความเข้มแข็งของ อาเซียน ให้พร้อมรับมือกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก และการแข่งขันของมหาอำนาจ พร้อมผลักดันการเชื่อมโยงภูมิภาคทั้งทางบก ทางอากาศ ทางทะเล ดิจิทัล และพลังงาน โดยไทยประกาศความพร้อมเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงอาเซียนกับจีนและอินเดีย
สุดท้าย ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงความร่วมมือในระดับภูมิภาค โดยไทยย้ำถึงความสำคัญของ Joint Declaration ที่ลงนามกับกัมพูชา เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและฟื้นฟูความสัมพันธ์ใน 4 ด้านหลัก ได้แก่ การถอนอาวุธหนัก การเก็บกู้ทุ่นระเบิด การแก้ไขปัญหาหลอกลวงออนไลน์ และการจัดการพื้นที่ทับซ้อน พร้อมขอบคุณสิงคโปร์ที สนับสนุนการดำเนินการโดยสันติวิธี






