เร่งค้นชุมชน 21 จว. ตามแผนคิกออฟสายด่วน 1386 พบจนท.รัฐ 7 คน เอี่ยวยาเสพติด
วันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 ที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงาน ป.ป.ส. (ดินแดง) กรุงเทพมหานคร พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานเปิดปฏิบัติการ Kick Off 1386 ที่พึ่งทุกปัญหายาเสพติด โดยมี พ.ต.ต.สุริยา สิหกมล เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมคณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง และผู้แทนจากหลายหน่วยงานเข้าร่วม
การปฏิบัติการครั้งนี้ครอบคลุม 21 จังหวัดทั่วประเทศ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี สมุทรปราการ จันทบุรี ตราด นครราชสีมา อุดรธานี เลย เชียงใหม่ น่าน เชียงราย แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน แพร่ อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร พะเยา สมุทรสาคร สุราษฎร์ธานี และพัทลุง รวมพื้นที่เป้าหมาย 161 จุด มีผู้ต้องสงสัยรวม 156 ราย แบ่งเป็นบุคคลทั่วไป 149 ราย และเจ้าหน้าที่รัฐ 7 ราย ขณะเดียวกัน ยังมีจุดเฝ้าระวังในพื้นที่สำคัญ 5 แห่ง ทั้งในกรุงเทพฯ จันทบุรี เชียงใหม่ และแม่ฮ่องสอน
พล.ต.ท.รุทธพล กล่าวภายหลังเปิดปฏิบัติการว่า ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงานด้านความมั่นคงและประชาชน โดยเน้นให้สายด่วน 1386 เป็นศูนย์กลางรับแจ้งเบาะแสจากคนในพื้นที่ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการสกัดปัญหายาเสพติด ไม่มีใครรู้ปัญหาได้ดีเท่าคนในชุมชนเอง สายด่วน 1386 จะเป็นช่องทางสำคัญในการเชื่อมข้อมูลกับเจ้าหน้าที่
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเปิดเผยอีกว่า มีรายงานจากบางพื้นที่ที่จัดตั้ง ป้อมชุมชน หรือ ด่านชุมชน เพื่อคัดกรองบุคคลภายนอกและเฝ้าระวังการซื้อขายยาเสพติดในหมู่บ้าน ซึ่งเป็นแนวทางที่ดีและควรส่งเสริม พร้อมย้ำให้เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. ติดตามความคืบหน้าของมาตรการดังกล่าว
สำหรับผลการปฏิบัติวันนี้ พล.ต.ท.รุทธพล ระบุว่า เป็นที่น่าพอใจ มีทั้งการจับกุมผู้ค้าและส่งผู้เสพเข้าสู่กระบวนการบำบัด ยกตัวอย่างบางชุมชนในกรุงเทพฯ แม้มีเพียง 49 หลังคาเรือน แต่พบปัญหายาเสพติดแพร่ระบาดอย่างหนัก จึงต้องเร่งรัดดำเนินการให้เด็ดขาด
ส่วนกรณีพบเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องกับยาเสพติด 7 ราย พล.ต.ท.รุทธพล ระบุว่า ส่วนใหญ่มีพฤติการณ์เสพยา บางรายร่วมจำหน่าย ถือเป็นพฤติกรรมส่วนบุคคลที่ต้องถูกดำเนินการทางวินัยและกฎหมายอย่างเข้มงวดเจ้าหน้าที่ที่ข้องเกี่ยวกับยาเสพติดต้องได้รับโทษหนักกว่าประชาชนทั่วไป เพราะมีหน้าที่ปกป้องสังคม ไม่ใช่ทำลาย
รัฐมนตรีฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ข้อมูลที่ได้จากการปฏิบัติการครั้งนี้จะถูกนำไปขยายผลสู่การจับกุมเครือข่ายรายใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มนักค้าระดับประเทศที่หลบหนีอยู่ต่างประเทศ ซึ่งจะประสานทางการต่างชาติให้เร่งนำตัวกลับมาดำเนินคดีในไทย
พล.ต.ท.รุทธพล ยังกล่าวชื่นชมพื้นที่ภาคตะวันออก โดยเฉพาะ ป.ป.ส.ภาค 2 ที่สามารถปราบปรามพื้นที่เสี่ยงซึ่งเคยมีการขายยาเสพติดตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมเสนอให้บูรณาการทุกหน่วยงานร่วมเฝ้าระวังและใช้เทคโนโลยี เช่น กล้อง AI ช่วยตรวจจับพฤติกรรมต้องสงสัยในพื้นที่
ด้าน พ.ต.ต.สุริยา สิหกมล เลขาธิการ ป.ป.ส. เปิดเผยว่า การปฏิบัติการครั้งนี้ครอบคลุม 87 อำเภอใน 21 จังหวัด รวม 161 เป้าหมาย สามารถดำเนินการได้กว่า 90% โดยเฉพาะพื้นที่ระบาดหนักในภาคตะวันออก เช่น ชุมชนเนิน FM จ.จันทบุรี ซึ่งพบผู้ค้ายาเสพติดรายย่อยกว่า 300 ราย รายได้จากการค้าสูงถึงวันละ 50,000 บาท เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้เสพได้เกือบ 100 ราย เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ และยังจับกุมผู้ค้าตามหมายจับได้ 2 ราย
พ.ต.ต.สุริยา กล่าวเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่รัฐ 7 รายที่ถูกตรวจพบเกี่ยวข้องกับยาเสพติด มีทั้งพลทหารและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น บางรายมีพฤติการณ์ทั้งเสพและจำหน่าย ซึ่งจะถูกดำเนินการทางวินัยและส่งบำบัดตามขั้นตอน สำหรับประชาชนที่ต้องการแจ้งเบาะแสหรือขอความช่วยเหลือ สามารถโทร. สายด่วน 1386 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
จากสถิติการรับแจ้งผ่านสายด่วน 1386 ล่าสุดพบว่าจำนวนเรื่องร้องเรียนเพิ่มขึ้นจากเดือนละ 1,000 ราย เป็นกว่า 3,000 ราย หลัง ป.ป.ส. เปิดรับทุกกรณีเกี่ยวกับยาเสพติด โดยร้อยละ 80 เป็นกรณี ลูกหลานในบ้านติดยา ซึ่งหน่วยงานจะเร่งให้ความช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวผ่านระบบประชุมออนไลน์ว่า การ Kick Off ครั้งนี้เป็นรูปแบบปฏิบัติการที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากประชาชนในพื้นที่ หลายชุมชนออกมาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และชื่นชมการทำงานของสายด่วน 1386 ว่าเป็น ที่พึ่งจริงของสังคม
สำหรับผลการปฏิบัติการโดยรวม สำนักงาน ป.ป.ส. รายงานว่า สามารถจับกุมผู้ต้องหา 40 ราย ส่งเข้าบำบัด 26 ราย ขยายผลสืบสวน 15 ราย พร้อมตรวจยึดของกลาง ยาบ้า 2,700 เม็ด ไอซ์ 65.6 กรัม คีตามีน 2.8 กรัม เงินสดกว่า 2.5 ล้านบาท รถยนต์ 1 คัน และอาวุธปืน 1 กระบอก






