เจ้าพระยาวิกฤต จ่อระบายเพิ่มเป็น 2,700 ลบ.ม. พนังขั้นน้ำท้ายเขื่อนแตก
วันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 รายงานว่า เมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา เกิดเหตุพนังกั้นน้ำบริเวณท้ายเขื่อนเจ้าพระยา หมู่ 7 ตำบลโพนางดำออก อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท พังถล่มลงมาหลายจุด หลังจากเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มการระบายน้ำขึ้นเป็น 2,600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้แรงดันน้ำสูงเกินระดับที่พนังรับไหว พังเป็นแนวยาว 10 เมตร 1 จุด และอีก 6 เมตร 1 จุด โดยคาดว่าจะมีแนวโน้มพังเพิ่มในจุดใกล้เคียง เนื่องจากภายใน 24 ชั่วโมงนี้ เขื่อนเตรียมเพิ่มการระบายน้ำเป็น 2,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
น้ำที่ทะลักจากแนวพนังไหลเข้าท่วมพื้นที่โดยรอบอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในหมู่ 3 บริเวณหน้าวัดสมอ ตำบลโพนางดำออก ซึ่งก่อนหน้านี้เคยได้รับผลกระทบจากการพังทลายของพนังเช่นกัน ส่งผลให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอีกกว่า 60 เซนติเมตร ชาวบ้านเผยว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นแล้วเป็นครั้งที่ 3 ในปีนี้ หลังน้ำเพิ่งลดลงจนต่ำกว่าตลิ่ง ชาวบ้านขนของกลับเข้าบ้าน บางรายจ้างคนมาช่วยล้างบ้านได้ไม่ถึงสองวัน เขื่อนกลับเพิ่มการระบายน้ำจนถูกน้ำท่วมซ้ำอีก
ชาวบ้านจำนวนมากจึงย้ายขึ้นไปตั้งเพิงพักอาศัยบนถนนคันคลองมหาราช และเรียกร้องให้กรมชลประทานปรับแผนบริหารจัดการน้ำใหม่ โดยเสนอให้ ระบายน้ำต่อเนื่องไปเลย แทนการลดและเพิ่มสลับกัน เพราะการถูกหลอกให้ขนของกลับบ้านแล้วต้องหนีน้ำซ้ำหลายครั้งสร้างความเหนื่อยล้าและสิ้นหวัง
สำหรับสถานการณ์น้ำที่เขื่อนเจ้าพระยา ตำบลบางหลวง อำเภอสรรพยา ซึ่งเป็นจุดสำคัญในการบริหารจัดการน้ำภาคกลาง ล่าสุดพบว่าปริมาณน้ำเหนือที่ไหลเข้าเขื่อนจากจุดวัดน้ำ C2 หน้า ค่ายจิรประวัติ อำเภอเมืองนครสวรรค์ เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากฝนที่ตกหนักทางตอนบน วัดได้ 2,936 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับน้ำเหนือเขื่อนเพิ่มขึ้น 18 เซนติเมตร ในรอบ 24 ชั่วโมง อยู่ที่ระดับ 17.15 เมตร (รทก.)
ขณะเดียวกัน เขื่อนเจ้าพระยาได้ปรับเพิ่มการระบายน้ำขึ้นเป็น 2,600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และเตรียมขยับสูงสุดไม่เกิน 2,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อสร้างพื้นที่รองรับน้ำเหนือและรับมือฝนจากอิทธิพลพายุ คัลแมกี ที่กำลังเคลื่อนเข้ามา
ล่าสุดระดับน้ำท้ายเขื่อนเพิ่มขึ้นอีก 57 เซนติเมตร ภายใน 24 ชั่วโมง อยู่ที่ระดับ 15.95 เมตร (รทก.) ส่งผลให้พื้นที่ลุ่มต่ำท้ายเขื่อน ตั้งแต่อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท ลงไปถึงจังหวัดสิงห์บุรี อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา มีแนวโน้มที่ระดับน้ำจะสูงขึ้นอีก 30-60 เซนติเมตรใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า ทางการจึงได้ประกาศแจ้งเตือนให้ประชาชนยกของขึ้นที่สูง และติดตามสถานการณ์จากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด
ขณะเดียวกัน บริเวณจุดอพยพบนถนนทางหลวงชนบท ชัยนาท-3018 (คันคลองมหาราช) ยังคงมีชาวบ้านจากสามตำบลท้ายเขื่อน ได้แก่ ตำบลตะหลุก ตำบลหาดอาษา และตำบลโพนางดำออก กว่า 400 ครอบครัว อพยพมาพักอาศัยอยู่ริมถนนมานานกว่าหนึ่งเดือน เนื่องจากพื้นที่อยู่อาศัยยังถูกน้ำท่วมขัง
ข้อมูลจากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชัยนาท ระบุว่า ปัจจุบันพื้นที่ประสบอุทกภัยอยู่ในเขตอำเภอสรรพยา รวม 5 ตำบล 25 หมู่บ้าน 1,759 ครัวเรือน มีประชาชนได้รับผลกระทบแล้วกว่า 4,750 คน โดยข้อมูลล่าสุดอ้างอิงจากฐานข้อมูลเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2568 และอยู่ระหว่างการสำรวจอัปเดตเพิ่มเติม






