จากสื่อเวียดนาม ได้เผยว่า ดร. Saurabh Sethi (สหรัฐอเมริกา) เตือนว่าอาการปวดหรือก้อนเนื้อไม่ใช่สัญญาณเดียวของโรคมะเร็ง บางครั้งการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถ "บ่งชี้" ว่าเป็นโรคร้ายนี้ได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก หลายคนเชื่อว่ามะเร็งต้องมีเนื้องอกอยู่หรือมีอาการปวดอย่างรุนแรง แต่ในความเป็นจริง เมื่ออาการเหล่านี้ชัดเจน โรคมักจะอยู่ในระยะรุนแรง และมะเร็งหลายชนิดไม่ได้ทำให้เกิดอาการปวดเฉพาะที่

ด้วยประสบการณ์และการรักษาผู้ป่วยมะเร็งมายาวนานหลายทศวรรษ ดร. ซอรับห์ เซตี ได้ชี้ให้เห็นถึง 6 การเปลี่ยนแปลงที่พบบ่อยเมื่อร่างกายมีเนื้องอกร้าย ที่น่ากังวลคือ มากถึงครึ่งหนึ่งของอาการเหล่านี้มักถูก "เพิกเฉย" ได้ง่าย

1. รู้สึกเหนื่อยล้าตลอดเวลา แม้หลังจากพักผ่อนแล้ว ความเหนื่อยล้าอย่างรุนแรงที่ไม่ดีขึ้นแม้จะพักผ่อนเพียงพอแล้ว เป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้า ความเหนื่อยล้านี้แตกต่างจากความรู้สึกอ่อนเพลียทั่วไปอย่างมาก และยังคงอยู่ต่อเนื่อง

สาเหตุคือเซลล์มะเร็งใช้สารอาหารของร่างกายเพื่อเจริญเติบโต ทำให้ร่างกายขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อการรักษาพลังงานสำหรับกิจกรรมต่างๆ ในชีวิต นำไปสู่ภาวะอ่อนแออย่างรุนแรง ภาวะนี้พบได้บ่อยในมะเร็งเม็ดเลือด (มะเร็งเม็ดเลือดขาว) และมะเร็งในระยะลุกลาม

2. เหงื่อออกตอนกลางคืนอย่างต่อเนื่อง อาการนี้มักสับสนกับอากาศร้อนหรือเหงื่อออกเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน อย่างไรก็ตาม หากคุณตื่นขึ้นมาแล้วเหงื่อออกมากจนเสื้อผ้าและผ้าปูที่นอนเปียกโชก นี่คือสัญญาณเตือนที่ควรใส่ใจ

เหงื่อออกตอนกลางคืนมากเกินไปมักเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในขณะที่ร่างกายพยายามต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง หรือเป็นปฏิกิริยาของระบบภูมิคุ้มกัน ปรากฏการณ์นี้มักเป็นสัญญาณเตือนของโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว (มะเร็งต่อมน้ำเหลือง) มะเร็งตับ หรือมะเร็งกระดูก

3. การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการขับถ่าย การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการขับถ่ายอย่างต่อเนื่อง เช่น ท้องเสียหรือท้องผูกโดยไม่ทราบสาเหตุ ปัสสาวะลำบาก หรือรู้สึกเหมือนปัสสาวะไม่ออก เป็นสัญญาณที่ควรเฝ้าระวัง

การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มักเกิดจากเนื้องอกที่โตขึ้น กดทับ หรือส่งผลต่อการทำงานของอวัยวะขับถ่าย ตัวอย่างเช่น การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการขับถ่ายเป็นสัญญาณของมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก ในขณะที่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการปัสสาวะอาจเกี่ยวข้องกับมะเร็งต่อมลูกหมากหรือมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

4. น้ำหนักลดผิดปกติ นี่เป็นสัญญาณเตือนที่พบบ่อยที่สุดและสับสนได้ง่ายที่สุดของโรคมะเร็ง การลดน้ำหนักจะกลายเป็นเรื่องน่ากังวลเมื่อคุณไม่ได้ควบคุมอาหารหรือออกกำลังกาย แต่ยังคงลดน้ำหนักได้อย่างรวดเร็วในระยะเวลาอันสั้น โดยปกติจะอยู่ที่ 5 กิโลกรัมหรือมากกว่า

เมื่อเซลล์มะเร็งเติบโต เซลล์มะเร็งจะแข่งขันและ "ดูด" สารอาหารออกจากร่างกายอย่างต่อเนื่อง เมื่อรวมกับการอักเสบและการเปลี่ยนแปลงของระบบเผาผลาญ จะทำให้น้ำหนักลดอย่างควบคุมไม่ได้ มะเร็งหลอดอาหาร ตับอ่อน กระเพาะอาหาร และปอด มักมีอาการนี้ก่อน

5. มีไข้เรื้อรังไม่ทราบสาเหตุ หากมีไข้ไม่ทราบสาเหตุเป็นเวลานาน นานกว่าหนึ่งสัปดาห์และไม่ดีขึ้น แสดงว่าอาการนี้เป็นสัญญาณที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ไข้เป็นเวลานานเป็นสัญญาณเตือนว่าเซลล์มะเร็งกำลังแพร่กระจายหรือลุกลามเข้าสู่ระยะรุนแรง

เมื่อร่างกายมีเนื้องอก เซลล์ภูมิคุ้มกันจะตอบสนองเพื่อต่อสู้กับเนื้องอก ทำให้เกิดการอักเสบและทำให้เกิดไข้ ภาวะนี้มักเกิดขึ้นเมื่อผู้ป่วยเป็นมะเร็งในระบบ เช่น มะเร็งเม็ดเลือด (มะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือมะเร็งต่อมน้ำเหลือง)

6. เลือดออกผิดปกติ อาการเลือดออกใดๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบาดเจ็บหรือรอบเดือนนั้นน่าตกใจ ตัวอย่างที่พบบ่อยคือ เลือดปนในอุจจาระ (เลือดสีแดงสด ไหลหยด หรือปนอยู่ในอุจจาระ)

ปรากฏการณ์นี้เกิดจากการเติบโตของเนื้องอก ทำให้เกิดการเสียดสีและมีเลือดออก (เช่นเดียวกับมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก) เลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติ หรือไอเป็นเลือด เลือดออกตามไรฟันง่าย... ก็เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าอาจมีรอยโรคมะเร็งเช่นกัน