หลายคนพลาดมาก! 6 ผลไม้ต้องห้าม สำหรับมื้อเช้าตอนท้องว่าง ส่งผลต่อสุขภาพไม่รู้ตัว

หลายคนพลาดมาก! 6 ผลไม้ต้องห้าม สำหรับมื้อเช้าตอนท้องว่าง ส่งผลต่อสุขภาพไม่รู้ตัว

เรียกได้ว่า ทำเอาหลายคนไม่เคยเลยรู้ว่า ผลไม้บางชนิดนั้น อาจทำร้ายกระเพาะอาหารและระบบย่อยอาหารได้หากกินตอนท้องว่าง โดยเฉพาะ 6 ชนิดต่อไปนี้ที่ผู้เชี่ยวชาญเตือนให้หลีกเลี่ยงในช่วงเช้า

1. กล้วย

แม้กล้วยจะเป็นผลไม้ที่อุดมด้วยโพแทสเซียมและหาซื้อง่าย แต่การกินกล้วยตอนท้องว่างอาจทำให้ระดับแมกนีเซียมในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลให้เกิดความไม่สมดุลของแร่ธาตุและอาจกระทบต่อการทำงานของหัวใจ

นอกจากนี้ กรดในกระเพาะอาจทำปฏิกิริยากับน้ำตาลธรรมชาติในกล้วย ทำให้เกิดอาการจุกแน่น ท้องอืด หรือแสบร้อนกลางอก อีกทั้งกล้วยให้พลังงานระยะสั้น เมื่อกินเพียงอย่างเดียวจะรู้สึกหิวเร็ว

คำแนะนำ: ควรกินกล้วยคู่กับโยเกิร์ต ข้าวโอ๊ต หรือธัญพืช เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน

2. สับปะรด สับปะรดมีเอนไซม์ bromelain ช่วยย่อยโปรตีน แต่เมื่อกินขณะท้องว่าง เอนไซม์นี้จะย่อยเยื่อบุกระเพาะแทน ทำให้รู้สึกแสบท้องหรือปวดได้ นอกจากนี้ กรดธรรมชาติในสับปะรดยังเพิ่มระดับกรดในกระเพาะอาหาร และในบางคนอาจกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคือง

คำแนะนำ: กินหลังมื้ออาหารจะช่วยให้ bromelain ทำงานอย่างเหมาะสมและไม่ระคายกระเพาะ

3. มะม่วงดิบ มะม่วงดิบมีรสเปรี้ยวฝาดและมีกรดสูง หากกินตอนท้องว่างอาจทำให้เยื่อบุกระเพาะระคายเคือง และกระตุ้นให้หลั่งกรดมากเกินไป นำไปสู่อาการแสบคอหรือแสบท้อง นอกจากนี้ มะม่วงดิบยังมีแทนนินสูง ซึ่งอาจทำให้ย่อยยากและท้องผูกได้ 

คำแนะนำ: ควรกินหลังอาหารหรือทำเป็นเมนูอื่น เช่น ส้มตำมะม่วง เพื่อลดความเปรี้ยวและฝาด

4. ส้ม มะนาว และเกรปฟรุต ผลไม้ตระกูลส้มมีวิตามินซีสูงและช่วยให้ร่างกายสดชื่น แต่กรดซิตริกในผลไม้เหล่านี้อาจระคายเคืองเยื่อบุกระเพาะ โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการกรดไหลย้อนหรือแผลในกระเพาะอาหาร การกินผลไม้รสเปรี้ยวตอนท้องว่างยังทำให้กรดในกระเพาะเพิ่มขึ้น เกิดอาการแสบร้อนกลางอกหรือท้องอืดได้ง่าย อีกทั้งอาจรบกวนการทำงานของเอนไซม์ย่อยอาหาร

คำแนะนำ: ควรกินหลังอาหารหลัก หรือดื่มน้ำส้มผสมอาหารอื่นเพื่อเจือจางกรด

6. ละมุด ละมุดมีรสหวานและอุดมด้วยไฟเบอร์ แต่หากกินตอนท้องว่างจะทำให้เกิดอาการท้องผูก เนื่องจากมีแทนนินสูง ซึ่งสามารถจับตัวกับกรดและโปรตีนในกระเพาะอาหาร ทำให้ย่อยยาก นอกจากนี้ ไฟเบอร์ในละมุดอาจกระตุ้นให้ลำไส้ทำงานหนักขึ้น จึงควรกินในช่วงที่กระเพาะไม่ว่างเปล่า

คำแนะนำ: กินละมุดหลังอาหารเพื่อให้ระบบย่อยทำงานอย่างสมดุล

7. ลิ้นจี่ ลิ้นจี่เป็นผลไม้รสหวานหอมที่หลายคนชื่นชอบ แต่กินตอนท้องว่างอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดต่ำอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในเด็กหรือผู้ที่ร่างกายอ่อนเพลีย ในบางกรณี ลิ้นจี่อาจทำให้เกิดอาการเวียนหัว เหงื่อออกมาก หรือถึงขั้นหมดสติ เนื่องจากร่างกายไม่สามารถผลิตกลูโคสได้เพียงพอเมื่อท้องว่าง

คำแนะนำ: ควรกินหลังอาหารและในปริมาณพอเหมาะ เพื่อป้องกันภาวะน้ำตาลตก

ผลไม้ที่เหมาะสำหรับมื้อเช้า หากอยากกินผลไม้ในตอนเช้า ควรเลือกผลไม้ที่ย่อยง่ายและไม่ระคายกระเพาะ เช่น:

แอปเปิล: มีเพคตินช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและดีต่อระบบย่อยอาหาร

ลูกแพร์: ช่วยให้ร่างกายสดชื่นและให้วิตามินสูง

มะละกอสุก: มีเอนไซม์ปาเปนช่วยย่อยโปรตีน

อะโวคาโด: ให้ไขมันดีและวิตามินอี ช่วยให้อิ่มนานและดีต่อหัวใจ

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ