ปิดประชุม JBC ไทย-กัมพูชา หารืออย่างราบรื่น ตกลงร่วมมือเร่งสำรวจ หนองจาน-หนองหญ้าแก้ว
เมื่อเวลา 00.12 น. วันที่ 23 ตุลาคม 2568 รายงานบรรยากาศพิธีปิดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Commission: JBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นที่โรงแรมมณีจันท์รีสอร์ท จังหวัดจันทบุรี ระหว่างวันที่ 21-22 ตุลาคม 2568 โดยมีนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ เป็นประธานฝ่ายไทย และนายฬำ เจีย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา เป็นประธานฝ่ายกัมพูชา
แม้การประชุมจะยืดเยื้อกว่ากำหนดเดิมถึงเกือบ 8 ชั่วโมง เนื่องจากต้องใช้เวลาในการตรวจสอบถ้อยคำและรายละเอียดในเอกสารให้รอบคอบ เพราะเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนเกี่ยวกับเขตแดน แต่สุดท้ายทั้งสองฝ่ายสามารถตกลงร่วมกันได้และลงนามในบันทึกผลการประชุมวาระพิเศษในเวลาเที่ยงคืนเศษ ก่อนปิดการประชุมอย่างเป็นทางการ
ก่อนเริ่มพิธีปิด มีรายงานว่า นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ต้องนั่งรอฝ่ายกัมพูชากว่า 30 นาที ก่อนที่นายฬำ เจีย และคณะผู้แทนจะเดินทางเข้าห้องประชุมเพื่อร่วมพิธีปิดในเวลา 00.12 น. การประชุมเป็นไปด้วยดีในบรรยากาศแห่งมิตรภาพ ทั้งสองฝ่ายได้แลกของที่ระลึกและถ่ายภาพร่วมกันหลังลงนามเสร็จสิ้น
สรุปผลการประชุม JBC สมัยวิสามัญ
1.เร่งสร้างหลักเขตแดนใหม่ทดแทนของเดิมที่ชำรุดหรือสูญหาย
ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องมอบหมายให้คณะอนุกรรมาธิการเทคนิคร่วม (Joint Technical Sub-Commission: JTSC) จัดสร้างหลักเขตแดนใหม่จำนวน 15 หลัก เพื่อทดแทนหลักเดิมที่สูญหายหรือชำรุด โดยให้กลับไปตั้งในตำแหน่งเดิมตามที่เคยกำหนดไว้
2.จัดทำหลักเขตแดนทดแทนบริเวณที่หลักจมน้ำ
ทั้งสองฝ่ายตกลงจะสร้างหลักเขตแดนใหม่จำนวน 3 หลัก เพื่อแทนที่หลักเดิมที่จมน้ำ โดยจะร่วมกันกำหนดตำแหน่งที่ตั้งใหม่ภายหลังจากการสำรวจพื้นที่
3.เห็นชอบให้แก้ไขข้อตกลงอ้างอิง (Terms of Reference 2003 – TOR 2003)
ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้เร่งปรับปรุง TOR 2003 เกี่ยวกับการจัดทำแผนที่ภาพถ่าย (Orthophoto Maps) เพื่อให้สามารถนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น ระบบตรวจวัดด้วยเลเซอร์ Light Detection and Ranging (LiDAR) มาใช้ในการสำรวจ เพื่อเพิ่มความแม่นยำและความรวดเร็วในการจัดทำหลักเขตแดน
4.ร่วมสำรวจและวางหมุดชั่วคราวระหว่างหลักเขตแดนที่ 42–47 บริเวณบ้านหนองจาน-บ้านหนองหญ้าแก้ว
-ทั้งสองฝ่ายตกลงจะจัดทำคำแนะนำทางเทคนิค (Technical Instruction: TI) สำหรับการสำรวจและวางหมุดชั่วคราวในพื้นที่เร่งด่วนดังกล่าว
-หลังจากการสำรวจและวางหมุดเสร็จสิ้น จะนำผลการดำเนินงานเสนอรัฐบาลทั้งสองประเทศ เพื่อพิจารณากำหนดกลไกที่เหมาะสมในการ ปรับการถือครองที่ดิน ของทั้งสองฝ่าย
-การวางหมุดชั่วคราวนี้มีวัตถุประสงค์เฉพาะเพื่อการสำรวจเท่านั้น และจะไม่กระทบต่อสิทธิ์ของทั้งสองประเทศตามกฎหมายระหว่างประเทศ
-ทั้งสองฝ่ายตกลงจะกำชับให้หน่วยงานท้องถิ่น ทั้งฝ่ายทหารและพลเรือน รับประกันความปลอดภัยให้กับเจ้าหน้าที่สำรวจ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่อาจมีทุ่นระเบิด ตามข้อตกลงบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2543 เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างปลอดภัยและไม่เกิดความตึงเครียดเพิ่มเติมในพื้นที่
ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะจัดการประชุม JBC ครั้งต่อไปในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนมกราคม 2569 ที่เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา เพื่อสานต่อการหารือในประเด็นที่ยังคงค้างอยู่
แม้การประชุมครั้งนี้จะใช้เวลายาวนานกว่ากำหนด แต่บรรยากาศโดยรวมถือว่าราบรื่นและเป็นมิตรภาพ ทั้งสองฝ่ายต่างยืนยันเจตนารมณ์ร่วมกันในการแก้ไขปัญหาแนวชายแดนอย่างสันติและยั่งยืน เพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศ






