ประศาสน์ เผย เขมร ขอไม่ใช้ โยกย้ายถอนทำลาย ปมหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว
วันที่ 23 ตุลาคม 2568 รายงานว่า นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) พร้อมด้วยนายเบญจมินทร์ สุกาญจนัจที อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกันแถลงข่าวผลการประชุม JBC ภายหลังพิธีปิดการหารือ
นายเบญจมินทร์กล่าวว่า การประชุมเป็นไปอย่างสร้างสรรค์และตรงไปตรงมา โดยครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ทั้งสองฝ่ายออกแถลงการณ์ร่วมกัน เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นและความจริงใจในการเร่งรัดกระบวนการจัดทำหลักเขตแดนทางบก ซึ่งถือเป็นประเด็นสำคัญในการลดความตึงเครียดและส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
ด้านนายประศาสน์ เปิดเผยว่า ได้หยิบยกประเด็นเรื่อง รั้วชายแดน มาพูดในการประชุม โดยเสนอแนวคิดให้มีการสร้างรั้วกั้นในบางพื้นที่ เพื่อป้องกันปัญหาการลักลอบเข้าเมือง การกระทบกระทั่ง รวมถึงการลำเลียงยาเสพติด อย่างไรก็ตาม ฝ่ายกัมพูชาชี้แจงว่า ยังไม่มีอำนาจในการเจรจาเรื่องนี้ในระดับคณะกรรมาธิการ จึงต้องนำไปหารือเพิ่มเติมในระดับรัฐบาล ทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยในประเด็นนี้นานกว่าครึ่งชั่วโมง ก่อนจะสรุปให้นำออกจากระเบียบวาระการประชุมในรอบนี้
นายเบญจมินทร์ กล่าวเสริมว่า การประชุมครั้งนี้มุ่งเน้นเฉพาะประเด็นหลักเขตแดนและอำนาจหน้าที่ของ JBC โดยผลการหารือจะต้องเสนอให้รัฐบาลพิจารณาต่อไป ส่วนประเด็นที่อยู่นอกเหนือกรอบอำนาจของคณะกรรมาธิการ กระทรวงการต่างประเทศจะชี้แจงเพิ่มเติมในโอกาสถัดไป เพื่อป้องกันการเข้าใจผิดและรักษาบรรยากาศความร่วมมือที่ดี ซึ่งจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาแนวชายแดนอย่างยั่งยืน
ถามถึงความคืบหน้าในพื้นที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว นายประศาสน์ระบุว่า ทั้งสองฝ่ายได้หารือกันและเห็นพ้องให้วาง หลักเขตชั่วคราว ระหว่างตำแหน่งที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิ์ เพื่อใช้เป็นจุดอ้างอิงเบื้องต้น โดยกำลังอยู่ระหว่างการเจรจาว่าจะปักหลักในระยะห่างเท่าใด เพื่อให้เห็นแนวชัดเจนทั้งสองฝ่าย และจะส่งเรื่องให้รัฐบาลพิจารณาต่อไป
นายประศาสน์กล่าวว่า ฝ่ายไทยใช้ถ้อยคำว่า ปรับการถือครองที่ดิน แทนคำว่า โยกย้าย หรือ ถอนทำลาย เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจคลาดเคลื่อนและรักษาความร่วมมือในกระบวนการเจรจา
เมื่อถามถึงระยะเวลาในการดำเนินการ นายประศาสน์ระบุว่า ยังไม่สามารถกำหนดได้แน่ชัด ต้องรอผลการปักหลักเขตชั่วคราวให้เสร็จก่อน จากนั้นจึงเสนอให้รัฐบาลแต่งตั้งกลไกของแต่ละฝ่ายเพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการร่วม ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากปัญหานี้ค้างคามานานกว่า 26-27 ปี
สำหรับกรณีพื้นที่บ้านคลองแผง อำเภอตาพระยา หลักหมุดที่ 33-35 ซึ่งเคยเกิดปัญหาการล้ำแดนของชาวกัมพูชา นายประศาสน์ชี้แจงว่า ครั้งนี้ยังไม่ได้หยิบยกขึ้นหารือ โดยฝ่ายไทยเห็นพ้องให้เร่งแก้ไขปัญหาเร่งด่วนในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้วและบ้านหนองจานก่อน เพื่อ ดับไฟจุดร้อน ให้ได้ก่อน แล้วจึงค่อยพิจารณาพื้นที่อื่นในการประชุมครั้งต่อไป ซึ่งคาดว่าจะจัดขึ้นอีกครั้งในเดือนมกราคม
นายประศาสน์กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเด็นบ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้วเป็นหัวข้อสำคัญที่ใช้เวลาหารือกว่า 2 ชั่วโมง และยังต้องดำเนินการสำรวจพื้นที่เพิ่มเติม เพื่อให้ทราบแนวเขตจริงของแต่ละฝ่ายอย่างชัดเจน จากนั้นรัฐบาลทั้งสองประเทศจะกำหนดผู้แทนเจรจาและกลไกในการดำเนินการต่อไป คาดว่ากระบวนการจัดทำเอกสารและคู่มือประกอบการเจรจาจะใช้เวลาไม่น้อยกว่า 6 สัปดาห์
ตอนนี้เราตกลงกันในหลักการแล้ว ขั้นต่อไปคือการเร่งสำรวจพื้นที่และจัดทำแนวเขตให้ชัดเจน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายสามารถเดินหน้าหาทางออกได้อย่างเป็นรูปธรรม นายประศาสน์ กล่าวทิ้งท้าย






