หมอเตือนเอง อาการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย อันตรายอย่ามองข้าม อาจถึงขั้นตัดขา พบหลายคนทำพฤติกรรมเสี่ยงทุกวัน

หมอเตือนเอง อาการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย อันตรายอย่ามองข้าม อาจถึงขั้นตัดขา พบหลายคนทำพฤติกรรมเสี่ยงทุกวัน

เมื่อวันที่ 21 ต.ค ทางรายการ On the way with Chom พบกับโรค เส้นเลือดขอด หากปล่อยแผลเรื้อรัง เสี่ยงติดเชื้อ แผลไม่หาย จนถึงขั้นตัดขา ใส่ส้นสูงบ่อย นั่งไขว่ห้าง ยืนนาน นั่งนาน โรคอ้วน หรือเคยตั้งครรภ์ ต้องระวัง เปิดความจริงที่ยังเข้าใจกันผิดๆ กับ หมอเบล หรือ นพ.อภิชาติ งานรุ่งเรือง ศัลยแพทย์หลอดเลือด จะมาบอกรู้ทันเรื่องเส้นเลือดขอดก่อนสาย

โรคที่เกี่ยวกับเส้นเลือดของคนเรามีกี่ชนิด แล้วแต่ละชนิดทำหน้าที่อะไรบ้าง ?

หมอเบล : เส้นเลือดในร่างกาย จะมีเส้นเลือดแดง Artery คือเส้นเลือดที่นำเลือดออกจากหัวใจเพื่อไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย พอเข้าไปสู่ปลายบริเวณที่จะมีการแลกเปลี่ยนก๊าซก็จะกลายเป็นเส้นเลือดฝอย แล้วก็จะถูกนำทั้งหมดกลับมาฟอกเข้ามาที่หัวใจ เพื่อปั้มไปฟอกที่ปอด อันนั้นคือเส้นเลือดดำ Vein คือเส้นเลือดดำที่สร้างปัญหาที่เป็นเส้นเลือดขอด ก็คือที่บริเวณขา

เราจะมีวิธีสังเกตไหม ก่อนที่มันจะไปถึงจุดนั้นว่าเขากำลังฟอร์มตัวแล้ว?

หมอเบล : คืออาการของเส้นเลือดขอดมันเป็นกลุ่มโรคใหญ่ๆ โรคหนึ่ง เส้นเลือดขอดไม่ใช่ตัวโรค จะเป็นหนึ่งในกลุ่มอาการของเขา ซึ่งจริงๆ ตัวโรคชื่อว่า Chronic Venous Insufficiency (CVI) แปลเป็นภาษาไทยให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ ภาวะหลอดเลือดดำบกพร่องเรื้อรัง ใช้เวลาในการก่อตัวโรคนานมากประมาณสัก 5- 10 ปี โดยปกติแล้วจะแบ่งความรุนแรงได้เป็น 6 ระยะ ระยะแรกก็คือมักจะเริ่มเห็นว่ามีเส้นเลือดฝอย เส้นเลือดเหมือนใยแมงมุมเล็ก ๆ บริเวณขา บริเวณน่อง ระยะที่รุนแรงมากขึ้นก็คือระยะที่ 3 ผู้ป่วยอาจจะมีอาการบวม มักจะเกิดกับที่บริเวณข้อเท้าก็ได้ หลังเท้า หรือตรงน่อง ระยะ 4 ก็จะเริ่มมีผิวหนังที่เข้มขึ้น แล้วก็แข็งขึ้นเมื่อปล่อยเวลาไปนานๆ เกิดการอักเสบรุนแรงซ้ำแล้วซ้ำอีก สุดท้ายก็นำไปสู่การเกิดแผล ระยะที่ 5 แผลก็เป็นๆหายๆ แต่ถ้าแผลไม่หายก็คือระยะที่ 6 สุดท้าย โอกาสในการผ่าตัดก็จะสูงขึ้น ความซับซ้อนในการรักษาก็จะมากขึ้น

ถ้ารักษาไม่ถูกจุดสักที จะได้ตัดไหมคุณหมอ?

หมอเบล : ยิ่งเราเปิดแผล มีแผลนานเท่าไหร่ ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงของการติดเชื้อในระยะยาวมากขึ้นอยู่แล้ว ในกรณีของผู้ป่วยที่เป็นแผลเรื้อรังโดยปกติเส้นเลือดขอดไม่ได้ส่งผลอะไรรุนแรง หมายความว่าแค่เป็นแผลที่ไม่หาย ถ้าผู้ป่วยปล่อยปะละเลยหรือในบางกรณีที่ผู้ป่วยเป็นเบาหวานร่วมด้วยแล้วก็รักษาเบาหวานได้ไม่ดีคุมน้ำตาลได้ไม่ดี ก็อาจจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงของการติดเชื้อซ้ำซ้อน คือเฉพาะตัวแผลก็หนักแล้วเพราะมันไม่หาย ยิ่งคนไข้เป็นเบาหวานดูแลแผลไม่ดีก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงที่จะติดเชื้อที่รุนแรงขึ้นไปเรื่อยๆ จนบางครั้งผู้ป่วยอาจจะมีการสูญเสียอวัยวะได้

คุณหมอบอกว่ามีเคสหนึ่งที่ว่าเป็นแผลมา 3 ปี?

นายเบล : ใช่ครับ เคสนี้ก็เป็นผู้ป่วยชาวต่างชาติ อายุประมาณสัก 60 กว่าๆ ให้ประวัติว่า เขาเริ่มสังเกตเห็นว่าตัวเองมีเส้นเลือดขอดมาตั้งแต่อายุประมาณ 50 จนสุดท้ายปล่อยไว้ไม่ได้รักษาอะไรเพิ่มเติม จนกลายเป็นแผล ตอนแรกแผลก็เล็ก ๆ ประมาณเหรียญ 5 - 10 บาท ไปหาหมอทั่วๆ ไป หมอทั่วไปก็คิดว่าเป็นโรคแผลธรรมดา แผลไม่หาย มีการติดเชื้อ ผ่านไประยะเวลาเป็นปี จนแผลมันเริ่มใหญ่ขึ้นๆ กลายเป็น 10 ซม. ได้ จนมารักษากับเราสรุปว่าผู้ป่วยท่านนี้ก็ได้ทำการผ่าตัด 7-10 เดือนหลังจากผ่า แผลถึงปิดและหายได้ โดยรวมกันทั้งหมดก็เกือบ 3 ปีถึงจัดการแผลนี้ได้

ถ้าเราไม่อยากเป็นเส้นเลือดขอด กลุ่มไหนที่มีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดเส้นเลือดขอด?

หมอเบล : โดยปกติความเสี่ยงของโรคเส้นเลือดขอด มันจะแบ่งเป็นความเสี่ยงที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้กับความเสี่ยงที่เปลี่ยนแปลงได้ ความเสี่ยงที่เราเปลี่ยนแปลงไม่ได้ เช่น หญิงมีความเสี่ยงการเป็นเส้นเลือดขอดมากกว่าผู้ชายอยู่แล้ว อีกอันหนึ่งก็คือพันธุกรรม เช่น พ่อแม่เป็นลูกก็มีโอกาสเป็นมากขึ้น แล้วก็ในส่วนของความเสี่ยงที่ปรับเปลี่ยนได้ที่เจอกันได้บ่อยคือเป็นโรคอ้วนที่คนไข้บางท่านที่มี BMI มากกว่า 30 ขึ้นไปก็เริ่มเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นเส้นเลือดขอดแล้ว พอเราอ้วนมันก็อาจจะต้องใช้ความดันหลอดเลือดในการสูงขึ้นไปที่มันมากขึ้นหรืออักเสบติดเชื้อ อีกอันหนึ่งที่เจอได้บ่อยก็คือภาวะเส้นเลือดขอดหลังการตั้งครรภ์

ทำงานออฟฟิศก็มีโอกาสเหมือนกัน?

หมอเบล : ใช่ครับ เพราะฉะนั้นจริงๆ แล้วก็ถ้าเกิดเรานั่งทำงานออฟฟิศก็อาจจะต้องไปเข้าห้องน้ำ สักชั่วโมงละครั้ง หรือไปชงกาแฟบ้าง คือเปลี่ยนอิริยาบถบ้าง ไม่ใช่ว่า 3-4 ชั่วโมงนั่งอยู่ท่าเดิมตลอด

แล้วใส่รองเท้าส้นสูงมีผลไหม? หมอเบล : รองเท้าส้นสูง จริงๆ แล้วน่าจะมีผลอยู่พอสมควรครับ เพราะว่าเหมือนเราเขย่งเท้าตลอดเวลา มันก็จะมีความดันหลอดเลือดที่มันเพิ่มสูงขึ้นตลอดเวลา แต่ว่าอาจจะไม่ได้เป็นความเสี่ยงที่สูงมากๆ

ถ้าเป็นแล้วต้องทำยัง ไง วิธีการรักษาในปัจจุบันมีอะไรบ้าง?

หมอเบล : ควรต้องมาปรึกษาแพทย์ โดยปกติแล้วการรักษาเส้นเลือดขอด มีการรักษาหลักๆ อยู่ 2 อย่าง คือ การฉีดยา และ การผ่าตัด โดยการผ่าตัดก็คือคนไข้ที่มีเส้นเลือดขอดที่มีเส้นเลือดเสียในเส้นเลือดใหญ่ของมัน ส่วนเรื่องการฉีดยาจะโฟกัสที่การรักษาเส้นเลือดเส้นเล็ก ๆ หรือเส้นเลือดฝอย คือเส้นเลือดขอดที่ผู้ป่วยมีคือเส้นเลือดที่ทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพ พวกนี้คือเส้นเลือดที่เราไม่จำเป็นต้องเก็บไว้การรักษาหลักๆ คือการทำลายเขาทิ้ง

เราจะป้องกันเส้นเลือดขอดยังไง มีท่าบริหาร การออกกำลังกาย หรือมีอาหารที่ช่วยป้องกันได้ไหม?

หมอเบล : จริงๆ แล้วถ้าในเชิงของอาหารน่าจะยังไม่มีหลักฐานในทางการแพทย์ที่ชัดเจนนะครับ แต่ว่าถ้าในเชิงของการลดความเสี่ยงแล้วกันครับ ก็คงลดน้ำหนักเพราะความอ้วนเป็นหนึ่งในความเสี่ยงของการเป็นเส้นเลือดขอดที่มากขึ้น อย่างที่ 2 ก็คือเรื่องของอิริยาบถก็อาจจะไม่นั่งนาน ไม่ยืนนาน อาจจะต้องมีการเปลี่ยน Activity บ่อย ๆ หลีกเลี่ยงการอยู่ในท่าเดิมนาน ๆ แต่ก็เข้าใจว่าบางอาชีพหลีกเลี่ยงได้ยาก ผมว่าสิ่งสำคัญที่หลาย ๆ ท่าน ยังเข้าใจว่าเส้นเลือดขอดเป็นเรื่องของความไม่สวยงามก็คือถ้าเราไม่สนใจก็ไม่ได้เป็นอะไร ซึ่งจริง ๆ ไม่ใช่ เส้นเลือดขอดคือโรคเลยท่านต้องได้รับการรักษา แปลว่าถ้าท่านปล่อยปะละเลยไว้ หรือไม่ได้ใส่ใจโรคนี้อาจจะแย่ลง ท่านควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง หรือแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านการรักษานี้ เพื่อรักษาท่านอย่างถูกต้อง

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ