วันที่ 19 ตุลาคม 2568 มีรายงานกรณีจากเพจเฟซบุ๊กของ โรงพยาบาลปลายพระยา จังหวัดกระบี่ ที่เปิดเผยเหตุสะเทือนใจ เมื่อ ผู้ป่วยชายรายหนึ่งเสียชีวิต หลังรถพยาบาลไม่สามารถเคลื่อนย้ายผู้ป่วยขึ้นรถฉุกเฉินได้ทัน เนื่องจากมี รถกระบะจอดขวางท้ายรถพยาบาล จนเป็นเหตุให้การส่งตัวผู้ป่วยไปโรงพยาบาลกระบี่ล่าช้า กลายเป็นกระแสสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก

ล่าสุด ได้รับภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาล ขณะเจ้าหน้าที่กำลังเตรียมเคลื่อนย้ายผู้ป่วยวิกฤตใส่เครื่องช่วยหายใจขึ้นรถฉุกเฉิน ในช่วงเวลาดังกล่าว รถกระบะ โตโยต้า สี่ประตู สีน้ำตาล ทะเบียนจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้ขับเข้ามาจอดปิดท้ายรถพยาบาล และมีชายหญิงสองคนลงมาจากรถ ก่อนจะพาแม่ของตนเองเข้าห้องฉุกเฉิน

เจ้าหน้าที่พยายามแจ้งคนขับให้ช่วยเลื่อนรถออก เนื่องจากมีผู้ป่วยฉุกเฉินที่ต้องส่งตัวเร่งด่วน แต่กลับถูกโต้เถียงอย่างรุนแรงจากชายคนดังกล่าว พร้อมเรียกร้องให้ดูแลแม่ของเขาก่อน สร้างความล่าช้าในการช่วยชีวิตผู้ป่วย

นางสาวภัทราพร  อายุ 29 ปี ลูกสาวผู้เสียชีวิต เล่าว่า พ่อของเธอมีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลปลายพระยา และเมื่ออาการไม่ดีขึ้น แพทย์จึงตัดสินใจส่งต่อไปยังโรงพยาบาลกระบี่ แต่ระหว่างการเคลื่อนย้ายเกิดปัญหารถกระบะจอดขวาง

ตอนนั้นพ่ออาการหนักมาก ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ ดิฉันพยายามอ้อนวอน ขอร้องให้เจ้าของรถช่วยเลื่อนรถ แต่เขากลับตะโกนโวยวาย และไม่ยอมให้ความร่วมมือ จนสุดท้ายดิฉันต้องคุกเข่ากราบ ขอร้องกลางโรงพยาบาล ก็ยังไม่ยอมเลื่อน จนเจ้าหน้าที่ต้องขู่เรียกตำรวจ เขาถึงยอมขยับรถ ซึ่งเวลาที่เสียไปอาจดูไม่มากสำหรับบางคน แต่สำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจ ทุกนาทีสำคัญมาก ถ้าไม่มีรถขวาง พ่ออาจจะยังไม่ตาย ภัทราพรกล่าวทั้งน้ำตา

เธอยังระบุว่า ขณะนี้ยังไม่มีแผนดำเนินคดี เนื่องจากอยู่ระหว่างการจัดงานศพ แต่จะหารือกับครอบครัวอีกครั้งในภายหลัง ส่วนกรณีที่โรงพยาบาลจะดำเนินคดี ก็ขอให้เป็นไปตามกระบวนการของทางราชการ

ด้าน นพ.ณัฐพงษ์  ผู้อำนวยการโรงพยาบาลปลายพระยา ให้ข้อมูลว่า เหตุการณ์นี้ถือเป็นบทเรียนสำคัญ การช่วยชีวิตผู้ป่วย โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคหัวใจ ทุกนาทีมีความหมาย และไม่ควรเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้อีกในโรงพยาบาลใด ๆ

เบื้องต้นทางโรงพยาบาลได้มอบหมายให้นิติกรรวบรวมหลักฐานทั้งหมด และเตรียมเข้าแจ้งความที่ สถานีตำรวจภูธรปลายพระยา ในวันจันทร์ที่ 20 ตุลาคม 2568 โดยอาจพิจารณาแจ้งข้อหา ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต

หากทางครอบครัวผู้เสียชีวิตประสงค์จะร่วมเป็นโจทก์ สามารถดำเนินการร่วมกับทางโรงพยาบาลได้ในขั้นตอนถัดไป