วันที่ 17 ตุลาคม 2568 นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า ขณะนี้ราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรงและรวดเร็ว จนถือว่า ผิดปกติ ซึ่งทำให้การคาดการณ์แนวโน้มราคาทองเป็นไปได้ยาก โดยปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้ราคาทองพุ่งสูง มาจากความไม่เชื่อมั่นในค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ทำให้นักลงทุนทั้งรายย่อย รายใหญ่ รวมถึงธนาคารกลางในหลายประเทศ หันมาถือครองทองคำในฐานะ สินทรัพย์ปลอดภัย ตามเทรนด์การลงทุนของโลก

นายจิตติระบุว่า ปี 2568 คาดว่าการนำเข้าทองคำของไทยจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ เกือบ 200 ตัน จากข้อมูลล่าสุด ณ เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา อยู่ที่ 180 ตันต่อปี เนื่องจากมีแรงซื้อจากนักลงทุนจำนวนมาก ไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทย แต่เกิดขึ้นทั่วโลก ส่งผลให้ตลาดทองคำโลกตึงตัว และต้องรอสินค้าเป็นเวลาหลายวัน

สถานการณ์ตอนนี้เปลี่ยนไปมาก ราคาทองยิ่งแพง คนยิ่งแห่ซื้อ โดยเฉพาะทองคำแท่ง ซึ่งมีการซื้อสะสมเป็นประวัติการณ์ ต่างจากอดีตที่ซื้อเพื่อขายเก็งกำไร โดยเฉพาะวันนี้ (17 ต.ค. 68) ราคาทองคำปรับขึ้นถึง 2,000 บาทในวันเดียว ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นับตั้งแต่ทำธุรกิจนี้มากว่า 70 ปี ทั้งเดือนตุลาคมเพียงครึ่งเดือน ราคาทองขึ้นมาแล้วเกือบ 9,000 บาท และรวมทั้งปีเพิ่มขึ้นถึง 24,950 บาท นายจิตติกล่าว

จากภาวะราคาที่พุ่งไม่หยุดนี้ นายจิตติจึงได้ปรับเป้าการคาดการณ์ราคาใหม่ โดยคาดว่า ภายในสิ้นปี 2568 ราคาทองคำโลกจะแตะระดับ 4,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และราคาทองคำไทยอาจพุ่งถึง บาทละ 70,000 บาท ส่วนแนวโน้มในปี 2569 คาดว่าจะยังคงเป็นขาขึ้น โดยทองคำโลกมีแนวโน้มแตะ 4,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และราคาทองคำไทยอาจสูงกว่า บาทละ 70,000 บาท ทั้งนี้ต้องจับตาค่าเงินบาท สถานการณ์การเมืองในประเทศ การเลือกตั้ง รวมถึงปัจจัยต่างประเทศอย่างสงครามรัสเซีย-ยูเครน และความตึงเครียดทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯ กับจีน

ด้าน นายพิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำในเดือนตุลาคม 2568 ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนกันยายน โดยขยับจาก 76.56 จุด มาอยู่ที่ 76.70 จุด หรือเพิ่มขึ้น 0.14 จุด (0.18%) จากปัจจัยสนับสนุนหลัก เช่น ความต้องการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัว นโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) และแรงซื้อทองคำจากธนาคารกลางในหลายประเทศ

นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำระยะ 3 เดือน (ไตรมาส 4/2568) ก็เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน โดยปรับจาก 64.46 จุด เป็น 66.69 จุด หรือเพิ่มขึ้น 2.23 จุด (3.46%) สะท้อนความกังวลต่อเศรษฐกิจโลกที่อาจถดถอย ภาวะเงินเฟ้อ ความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงแนวโน้มการไหลออกของเงินทุนจากดอลลาร์

นายพิบูลย์ฤทธิ์แนะนำว่า

การลงทุนทองคำในช่วงนี้ควรใช้กลยุทธ์รอเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัว พร้อมบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ เพราะแม้แนวโน้มยังเป็นขาขึ้น แต่ราคาทองอาจมีความผันผวนจากแรงขายทำกำไรในระยะสั้น ทั้งนี้ยังมีแรงหนุนจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอน การชัตดาวน์รัฐบาลสหรัฐฯ และแนวโน้มที่ FED จะปรับลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งภายในสิ้นปีนี้