กลุ่มวัยรุ่นยกพวกตีกัน ป้าเก็บของเก่าไม่รู้อีโหน่อีเหน่ โดนลูกหลง กระสุนเข้าหัว สาหัส

กลุ่มวัยรุ่นยกพวกตีกัน ป้าเก็บของเก่าไม่รู้อีโหน่อีเหน่ โดนลูกหลง กระสุนเข้าหัว สาหัส

เมื่อเวลา 02.40 น. วันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา พ.ต.ท.สมชาย อินทร์งาม รองผู้กำกับการสอบสวน สภ.สำโรงเหนือ จังหวัดสมุทรปราการ ได้รับแจ้งเหตุมีหญิงถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ภายในซอยแบริ่ง 48 ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จึงประสานเจ้าหน้าที่สายตรวจ ชุดสืบสวน และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง รุดไปตรวจสอบ

ในที่เกิดเหตุพบผู้บาดเจ็บเป็นหญิง 1 ราย ทราบชื่อภายหลังคือ นางทองจันทร์ อายุ 50 ปี อาชีพเก็บของเก่า นอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้นถนน มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ศีรษะด้านซ้าย 1 นัด อาการสาหัส หมดสติ และมีเลือดไหลจำนวนมาก หน่วยกู้ชีพเร่งให้การช่วยเหลือก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลสมุทรปราการ ใกล้กันพบรถเข็นเก็บของเก่าซึ่งเป็นของผู้บาดเจ็บจอดอยู่ริมถนน

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเพิ่มเติมบริเวณหน้าปากซอย พบปลอกกระสุนปืนขนาด .380 จำนวน 2 ปลอก และวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิดปิงปองตกอยู่ 1 ลูก เจ้าหน้าที่จึงกันพื้นที่และประสานชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD) เข้าตรวจสอบเพื่อความปลอดภัย

น.ส.ชัชชญา อายุ 20 ปี ซึ่งเป็นพยานในที่เกิดเหตุ ให้การว่า ขณะเกิดเหตุมีเสียงรถจักรยานยนต์หลายคันขับไล่กันเข้ามาในซอย คาดว่ามีกลุ่มวัยรุ่นราว 20 คนเข้ามาก่อเหตุทะเลาะวิวาท จากนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด ก่อนที่กลุ่มวัยรุ่นทั้งหมดจะขับรถออกไปทางปากซอย ไม่นานก็ทราบว่าหญิงเก็บของเก่าถูกยิงเข้าศีรษะ คาดว่าเป็นการโดนลูกหลงจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยกลุ่มวัยรุ่นนี้เคยมีประวัติก่อเหตุทะเลาะวิวาทในละแวกนี้เป็นประจำ

ขณะที่ชาวบ้านใกล้จุดเกิดเหตุเล่าว่า ก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงโวยวายดังขึ้น พร้อมเสียงรถจักรยานยนต์เบิ้ลเครื่องเสียงดัง ก่อนจะได้ยินเสียงคล้ายระเบิดดังสนั่นหนึ่งครั้ง แล้วกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งหมดก็หลบหนีออกจากพื้นที่

ด้านนายนฤเบศ แสนกล้า เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ซึ่งเดินทางถึงจุดเกิดเหตุเป็นคนแรก ระบุว่า พบผู้บาดเจ็บนอนแน่นิ่ง เลือดไหลออกจากศีรษะเป็นจำนวนมาก จากการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์เบื้องต้น ทราบว่ามีกลุ่มวัยรุ่นขี่จักรยานยนต์ไล่ตีกัน และมีเสียงปืนดังขึ้น 1-2 นัด ก่อนเหตุการณ์จะสงบลง

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เก็บรวบรวมพยานหลักฐานจากจุดเกิดเหตุทั้งหมด พร้อมเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดในบริเวณโดยรอบ เพื่อเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุ มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ