
พท.หนุนรับหลักการ 3 ร่างแก้รธน. ดันร่างพรรคตัวเองเป็นหลัก
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 12 ตุลาคม 2568 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรค แถลงข่าวถึงการประชุมร่วมรัฐสภาในวันที่ 14-15 ตุลาคมนี้ เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 ซึ่งมีทั้งสิ้น 3 ร่างจาก พรรคเพื่อไทย พรรคประชาชน (ปชน.) และพรรคภูมิใจไทย (ภท.)
นายชนินทร์ย้ำว่า พรรค พท. พร้อมเปิดทางรับหลักการของทั้ง 3 ร่างในวาระหนึ่ง เพื่อให้การจัดตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) และการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เดินหน้าได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม พรรคยังมีข้อห่วงใยเกี่ยวกับรายละเอียดในร่างของพรรคภูมิใจไทย โดยเฉพาะที่มาของ ส.ส.ร. ที่เปิดช่องให้ผู้สมัครสามารถเข้าสู่กระบวนการเลือกโดยรัฐสภาได้โดยตรง โดยไม่ผ่านการคัดกรองจาก
ประชาชนหรือการเลือกตั้ง ซึ่งอาจนำไปสู่การ ฮั้ว หรือจัดตั้ง ส.ส.ร. แบบไม่มีความชอบธรรมในสายตาสาธารณะ ในส่วนของร่างจากพรรคประชาชน แม้จะปรับโครงสร้างตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้ไม่มีการเลือก ส.ส.ร. โดยตรงแล้ว แต่ยังคงมี สภาที่ปรึกษาการยกร่างที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรง จึงมีความกังวลว่าอาจถูกนำไปยื่นตีความในอนาคต และทำให้กระบวนการล่าช้า
พรรคเพื่อไทยเห็นว่า หากที่ประชุมรัฐสภารับหลักการทั้ง 3 ร่าง พรรคจะเสนอให้ใช้ร่างของพรรคเพื่อไทยเป็น ร่างหลัก ในการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการวิสามัญฯ เพราะเป็นร่างที่ยึดโยงกับประชาชน และลดความเสี่ยงต่อการถูกตีความโดยศาลรัฐธรรมนูญในภายหลัง นายชนินทร์กล่าว
นายชนินทร์ อธิบายว่า ร่างของพรรคเพื่อไทยเสนอให้มี ส.ส.ร. ทั้งหมด 151 คน โดยแบ่งเป็น 2 ประเภท
1.การเลือกตั้งทางอ้อม 100 คน
ใช้จังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง โดยประชาชนในแต่ละจังหวัดจะเลือกผู้สมัครจำนวน 3 เท่าของโควตา ส.ส.ร. ที่จังหวัดนั้นพึงมี รวมทั่วประเทศ 300 คน จากนั้น กกต. จะรับรองรายชื่อและส่งให้รัฐสภาเลือกอีกครั้ง เช่น หากกรุงเทพฯ มีโควตา 8 คน จะเลือก 24 คนก่อน แล้วให้รัฐสภาโหวตเลือก 8 คนสุดท้ายเป็น ส.ส.ร.
2.การแต่งตั้งโดยองค์กรต่างๆ 51 คน
โดยองค์กรที่มีสิทธิเสนอชื่อ
สภาผู้แทนราษฎร (15 คน)
วุฒิสภา (5 คน)
ศาลฎีกา (1 คน)
ศาลปกครองสูงสุด (1 คน)
อปท. ทั่วประเทศ (3 คน)
ที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยรัฐ (2 คน)
คณบดีคณะนิติศาสตร์-รัฐศาสตร์ ม.รัฐ (2 คน)
สมาคมวิชาชีพด้านกฎหมาย-รัฐศาสตร์-รัฐประศาสนศาสตร์ (3 คน)
สภานักศึกษามหาวิทยาลัยรัฐ (2 คน)
องค์กรเศรษฐกิจ-ประชาชนหลัก 8 แห่ง (รวม 8 คน) อาทิ สภาอุตฯ สภาหอการค้า สภาเกษตรกร สมาคมธนาคารไทย ฯลฯ
สมาคมสื่อมวลชน (2 คน)
แพทยสภาและวิชาชีพสุขภาพ (1 คน)
องค์กรสิทธิมนุษยชน-กฎหมาย (NGO) (1 คน)
นายชนินทร์ ระบุว่า พรรคเพื่อไทยเชื่อมั่นว่าร่างนี้เป็น ร่างตรงกลาง ที่สะท้อนเจตนารมณ์ของทุกฝ่ายทางการเมือง เป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ห้ามให้ประชาชนเลือก ส.ส.ร. โดยตรง และยังสามารถปิดช่องไม่ให้เกิดการฮั้วหรือมวยล้มในกระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่
เราหวังว่า ส.ส. และ ส.ว. จะร่วมกันรับหลักการและผลักดันให้ร่างของเราเป็นร่างหลักในชั้น กมธ. เพื่อให้เกิด ส.ส.ร. ที่แท้จริง ไม่ใช่ ส.ส.ร.ฮั้ว หรือมวยล้มต้มคนดูอย่างที่ประชาชนกังวล หากข้อตกลงระหว่างพรรคประชาชนและภูมิใจไทยมีน้ำหนัก พรรคเพื่อไทยก็พร้อมร่วมมือ และหวังว่าจะได้รับเสียงสนับสนุนจาก ส.ว. ด้วย นายชนินทร์กล่าวทิ้งท้าย