พีมูฟ จี้ กมธ.เร่งพิจารณานิรโทษฯ ชาวบ้านเหยื่อรอทวงคืนผืนป่า

พีมูฟ จี้ กมธ.เร่งพิจารณานิรโทษฯ ชาวบ้านเหยื่อรอทวงคืนผืนป่า

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 9 ตุลาคม 2568 ที่อาคารรัฐสภา กลุ่มเครือข่ายประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากนโยบายทวงคืนผืนป่าของรัฐ ร่วมกับขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) เข้ายื่นหนังสือข้อเสนอแนวทางต่อร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ราษฎรผู้ได้รับผลกระทบจากนโยบายด้านที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติของรัฐ
หนังสือฉบับดังกล่าวมีการชี้ให้เห็นว่า นโยบายการจัดการที่ดินและป่าไม้ของรัฐในอดีต ส่งผลกระทบรุนแรงต่อประชาชนกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้ยากไร้ กลุ่มชาติพันธุ์ และคนชายขอบ ซึ่งจำนวนไม่น้อยต้องสูญเสียสิทธิในที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน แม้อยู่อาศัยในพื้นที่เหล่านั้นมาก่อนการประกาศเขตป่าอย่างเป็นทางการ

ผู้แทนเครือข่ายระบุว่า การดำเนินนโยบายของรัฐที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เดิมกลายเป็น ผู้บุกรุก ในดินแดนของตนเอง ขณะที่กลุ่มนายทุนและผู้มีอิทธิพลซึ่งเป็นคนส่วนน้อย กลับสามารถครอบครองพื้นที่ขนาดใหญ่ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

โดยเฉพาะหลังรัฐประหารปี 2557 นโยบายทวงคืนผืนป่าได้นำไปสู่การดำเนินคดีทางกฎหมายกว่า 48,000 คดี ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากต้องเผชิญกับความไม่มั่นคงในชีวิต ครอบครัวแตกร้าว มีปัญหาหนี้สิน ทั้งที่เป็นผู้สร้างประโยชน์แก่ประเทศชาติด้วยการทำเกษตรอย่างสุจริต

เครือข่ายประชาชนจึงเรียกร้องให้เร่งผลักดันร่างกฎหมายฉบับนี้ เพื่อคืนสิทธิและความเป็นธรรมแก่ผู้เสียหาย และสร้างความมั่นคงในการดำรงชีวิตบนพื้นฐานของสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย พร้อมย้ำว่าถึงเวลาแล้วที่รัฐควรมีแนวทางการจัดการที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นธรรม ยั่งยืน และอยู่ร่วมกันได้อย่างสมดุล

ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม กล่าวว่า คณะกรรมาธิการมีการพิจารณาอย่างรอบด้าน โดยให้ความสำคัญกับกรณีที่รัฐประกาศเขตป่าหรืออุทยานทับพื้นที่อยู่อาศัยของประชาชน ซึ่งอยู่มาก่อนอย่างชอบธรรม

เขาย้ำว่า ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินนโยบายของรัฐเหล่านี้ไม่ควรถูกมองว่าเป็นผู้กระทำผิด แต่กลับเป็นผู้เสียหายที่สมควรได้รับการเยียวยา บางรายอาจมีสิทธิในการฟ้องรัฐกลับได้ด้วยซ้ำ โดยคาดว่ากระบวนการพิจารณาจะเสร็จสิ้นภายในปลายเดือนตุลาคมนี้

รัฐต้องสื่อสารกับประชาชนให้เข้าใจว่า จะอยู่ร่วมกับป่าอย่างไร เราต้องมีนโยบายเพิ่มพื้นที่ป่าให้ได้ 40% ของประเทศ แต่ในขณะเดียวกัน ก็ต้องยอมรับความจริงว่าพื้นที่ป่าและที่ดินของรัฐมีประชาชนอยู่อาศัยอยู่มาก่อน หากล้างมลทินและคืนสิทธิให้ประชาชนได้ ก็จะนำไปสู่ความสงบสุขในระยะยาว พ.ต.อ.ทวี กล่าว

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ