น้ำยมยกระดับ ทะลักท่วมสามง่าม ชาวบ้าน เผยหนักเหมือนปี 54
วันที่ 7 ตุลาคม 2568 รายงานสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดพิจิตร ซึ่งยังคงน่าเป็นห่วงอย่างมาก เนื่องจากขณะนี้ต้องเผชิญกับน้ำล้นตลิ่งจากทั้งแม่น้ำยมและแม่น้ำน่าน โดยเฉพาะแม่น้ำยมที่เอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ในหลายอำเภอ และล่าสุดได้เกิดมวลน้ำระลอกใหม่จากจังหวัดสุโขทัยและทุ่งบางระกำโมเดล จ.พิษณุโลก ไหลเข้าสู่พิจิตร ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำยมสูงขึ้นอีก ถือเป็นน้ำหลากระลอกใหญ่อีกครั้งในปีนี้
นางสาวสุกัญญา ต้นทุน หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพิจิตร (ปภ.) พร้อมด้วยปลัดอำเภอสามง่าม ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์ในพื้นที่หมู่ 4 ชุมชนหลวงพ่อขาวพัฒนา ต.สามง่าม อ.สามง่าม ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่วิกฤต น้ำท่วมบ้านเรือนประชาชนเกือบ 100% รวม 235 ครัวเรือน ระดับน้ำสูงสุดเกือบ 2 เมตร ชาวบ้านต้องใช้เรือและรถไถสัญจรเข้าออกหมู่บ้าน
อำเภอสามง่ามได้รับผลกระทบหนักจากน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะในพื้นที่ ต.กำแพงดิน, ต.สามง่าม, ต.รังนก และ ต.เนินปอ ขณะที่ทางจังหวัดพิจิตรประกาศเฝ้าระวัง 3 อำเภอหลักตลอด 24 ชั่วโมง และมีการเตรียมศูนย์พักพิงเพื่อรองรับผู้ประสบภัยในพื้นที่ต่าง ๆ รวมถึงจัดหาที่พักสำหรับกลุ่มเปราะบางที่โรงพยาบาล พร้อมสนับสนุนอาหาร 3 มื้อ และสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐาน
นางสาวสุกัญญากล่าวว่า พื้นที่ริมน้ำมีความเสี่ยงสูงและชาวบ้านคุ้นชินกับสถานการณ์น้ำหลาก แต่ระดับน้ำครั้งนี้สูงกว่าปกติ และเพิ่มขึ้นทุกวันเฉลี่ย 3–5 เซนติเมตร จำเป็นต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่ในเขต อ.สามง่าม, อ.วชิรบารมี, อ.โพธิ์ประทับช้าง, อ.บึงนาราง และ อ.โพทะเล ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง
นายประดิษฐ์ สัมมาประสิทธิ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ชุมชนหลวงพ่อขาวพัฒนา กล่าวว่า สถานการณ์น้ำครั้งนี้ถือว่าหนักที่สุดในรอบ 10 ปี ระดับน้ำในหมู่บ้านสูงเกือบ 2 เมตร บ้านเรือนกว่า 200 หลังได้รับผลกระทบเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะชาวบ้านที่ยังอาศัยอยู่ในพื้นที่ต้องเผชิญความลำบากในการสัญจรและใช้ชีวิตประจำวัน
มีประชาชนประมาณ 70 ครัวเรือนที่อพยพออกจากพื้นที่ไปยังศูนย์พักพิงของเทศบาลตำบลสามง่าม หรืออาศัยอยู่กับญาติ ขณะที่บางครอบครัวยังคงอาศัยอยู่ชั้นสองของบ้านเพราะห่วงทรัพย์สิน
ด้านนายอำพร ใจบุญ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 เผยว่า ขณะนี้รถยนต์ทั่วไปไม่สามารถเข้าออกหมู่บ้านได้ ชาวบ้านต้องใช้บริการรถไถและรถอีโก้งในอัตราค่าโดยสาร 20 บาทต่อรอบ ระดับน้ำบนถนนอยู่ในระดับสูงกว่าหัวเข่า และตามบ้านเรือนสูงถึงระดับอก บางหลังไม่สามารถอยู่อาศัยได้แล้ว
ชาวบ้านหลายรายแสดงความวิตกกังวลว่าสถานการณ์ปีนี้ใกล้เคียงกับมหาอุทกภัยปี 2554 หากยังมีมวลน้ำหลากเพิ่มขึ้นอีกอาจท่วมทั้งหมู่บ้านโดยสมบูรณ์ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยยังคงเฝ้าระวังและให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง






