จากสื่อต่างประเทศ ได้รายงานว่า อดีตสมาชิก 4Minute นัมจีฮยอน ออกมาเปิดใจถึงข่าวลือความไม่ลงรอยในวงที่ยืดเยื้อมานานกว่า 9 ปี พร้อมทั้งแสดงความขอบคุณต่อเพื่อนสมาชิก และเปิดโอกาสถึงความเป็นไปได้ในการรวมตัวอีกครั้ง

การให้สัมภาษณ์ที่สตูดิโอ Barre Square ในชองดัมดง กรุงโซล เมื่อไม่นานมานี้ นัมจีฮยอนได้พูดถึงเส้นทางตั้งแต่ชีวิตไอดอลจนถึงการทำงานในปัจจุบัน เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีข่าวว่าเธอได้กลายเป็นทั้งครูสอนและเจ้าของสตูดิโอ ซึ่งเป็นที่สนใจยิ่งขึ้นเมื่อเพื่อนสมาชิกเก่าอย่าง จอนจียุน, ฮอกายุน และควอนโซฮยอน เดินทางมาเยี่ยมเพื่อให้กำลังใจ

4Minute เดบิวต์ในปี 2009 ด้วยเพลง “Hot Issue” และสร้างฮิตตามมาอย่าง “Muzik”, “Mirror Mirror”, “What’s Your Name?”, “Whatcha Doin’ Today”, “Crazy” และ “Hate” ก่อนจะยุติกิจกรรมวงในปี 2016 เช่นเดียวกับหลายวงที่โด่งดัง การยุบวงครั้งนั้นก็มาพร้อมกับกระแสข่าวความบาดหมาง ทั้งจากการกดเลิกติดตามกันในโซเชียลมีเดีย รวมถึงการที่สมาชิกไม่ได้ไปร่วมงานแต่งของ ฮยอนอา เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว

แต่เมื่อวันที่ 19 มิถุนายนปีนี้ นัมจีฮยอนได้กลายเป็นคนที่ออกมาสยบข่าวลือเหล่านั้นทางอ้อม ด้วยการเตรียมช่อดอกไม้ส่งให้สมาชิกทุกคนในวันครบรอบ 16 ปีการเดบิวต์ของวง ซึ่งฮยอนอาเองก็ได้ตอบรับด้วยการโพสต์ภาพดอกไม้พร้อมแคปชั่นว่า พวกเราช่างสวยงาม เป็นสิ่งล้ำค่า

นัมจีฮยอนเปิดใจว่า ตอนที่ยังเด็ก ฉันคิดว่ามีแค่ฉันที่ต้องอดทนเพราะความแตกต่างของบุคลิกแต่ละคน แต่ภายหลังฉันก็ได้รู้ว่าเราทุกคนต่างก็อดทนเพื่อกันและกันเหมือนกัน การตระหนักถึงสิ่งเหล่านั้นทำให้ฉันรู้สึกขอบคุณ แม้แต่กับช่วงเวลาที่เจ็บปวด นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ฉันส่งดอกไม้ให้ในวันครบรอบ

เธอกล่าวต่อว่า ตอนนั้นฉันคิดว่ามีแค่ฉันที่ลำบาก แต่พอมองย้อนกลับไป ฉันก็คิดว่า เพื่อนคนนั้นก็คงเหนื่อยเหมือนกัน เธอเองก็คงต้องอดทนเหมือนกัน ทำไมตอนนั้นฉันถึงมองไม่เห็นนะ (พูดพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ) แม้จะมีความเข้าใจผิดกันบ้าง แต่พวกเธอมักจะเลือกที่จะเงียบมากกว่าพูดตรง ๆ

ฮยอนอาและสมาชิกคนอื่น ๆ ต่างก็มีความคิดของตัวเอง แต่แทนที่จะพูดออกมาตรง ๆ เรากลับเลือกที่จะเคารพเส้นทางของกันและกัน เมื่อสัญญาหมดลงและแยกย้ายไป จริง ๆ แล้ว พวกเราทุกคนต่างใส่ใจกันมากเกินไป ในอีกมุมหนึ่ง มันก็เป็นหลักฐานที่บอกว่าเราสนิทกันจริง ๆ

แฟน ๆ ยังคงคาดหวังการรวมตัวของวงทุกครั้งที่เห็นสมาชิกกลับมาพบกัน และนัมจีฮยอนเองก็มองในแง่ดีว่า

ฉันเปิดใจเสมอค่ะ ตอนนี้ฮยอนอาแต่งงานแล้ว ถ้ามีค่ายที่สามารถช่วยจัดการได้ก็คงจะดี ฉันอยากลองทำสักครั้งนะ รู้สึกซาบซึ้งมากกว่าเดิมกับช่วงเวลานั้น ตอนนั้นฉันรู้สึกถูกจำกัด ไม่สามารถแสดงความสามารถออกมาเต็มที่ แต่ตอนนี้ฉันเติบโตขึ้นแล้ว รู้วิธีสื่อสารมากขึ้น และคงมีความหมายมากถ้าได้แสดงให้แฟน ๆ ที่เติบโตมากับเราดู

นัมยังได้แสดงความขอบคุณต่อแฟน ๆ ที่ยังคงแวะเวียนมาหาที่สตูดิโอ มันทำให้ฉันรู้สึกว่าชีวิตที่ผ่านมามีค่า ไม่ได้อยู่ไปอย่างสูญเปล่า ตั้งแต่เริ่มธุรกิจนี้ ฉันร้องไห้บ่อยครั้ง ไม่ใช่เพราะลำบาก แต่เพราะความซาบซึ้งใจ ฉันขอบคุณจริง ๆ ที่ยังมีคนที่คอยสนับสนุนฉัน แม้ในวันที่ไม่ได้เป็นไอดอลแล้ว” เธอกล่าวด้วยน้ำตาคลอ