อนุทิน แถลงนโยบายรบ. ยุบสภา 31 ม.ค.
เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมรัฐสภาครั้งที่ 1 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1) โดยมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม เพื่อรับฟังการแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
นายอนุทิน แถลงว่า รัฐบาลยึดหลัก 3 ประการในการบริหารราชการแผ่นดิน
-พิทักษ์สถาบันหลักของชาติ ได้แก่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
-ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
-ปกครองด้วยหลักนิติธรรม บริหารงานด้วยความเป็นธรรมและธรรมาภิบาล
นายกรัฐมนตรีระบุว่า รัฐบาลนี้เข้ารับตำแหน่งในช่วงเวลาที่ประเทศเผชิญความไม่แน่นอนทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และภูมิรัฐศาสตร์โลก อีกทั้งยังต้องบริหารภายใต้ข้อจำกัดด้านงบประมาณ และสถานะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย จึงจำเป็นต้องเร่งดำเนินการแก้ปัญหาเร่งด่วนของประเทศทั้งในด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคง สังคม และสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งวางรากฐานการพัฒนาระยะยาว รวมถึงการจัดทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยยึดหลักการมีส่วนร่วมจากประชาชน
ด้านนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในนามผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า นี่เป็นจุดเริ่มต้นของรัฐบาลและของฝ่ายค้าน ที่จะทำหน้าที่ผลักดันให้เกิดการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยเน้นว่าภายใน 4 เดือนจะต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 15/1 ให้แล้วเสร็จก่อนมีการยุบสภา และต้องให้ผู้ร่างรัฐธรรมนูญมีความใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวอภิปรายเน้น 3 ประเด็น
-ความเป็นไปได้ในการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ
-ความเหมาะสมของผู้บริหารนโยบาย
-ผลกระทบและโอกาสที่ประชาชนอาจสูญเสียจากนโยบายดังกล่าว
เขายังแสดงความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะยุบสภาแน่นอนภายใน 4 เดือน พร้อมเตือนว่า หากไม่ยุบสภา ประเทศอาจได้รับความเสียหายหนัก พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าเวลานี้อาจถูกใช้เพื่อถ่วงคดีหรือจัดการปัญหาบางประการก่อนยุบสภา
นายอนุทิน ชี้แจงในที่ประชุมว่า หากจะนับระยะเวลา 4 เดือน ควรเริ่มจากวันที่ 1 ตุลาคม ดังนั้น รัฐบาลจะยุบสภาในวันที่ 31 มกราคม 2569 ตามพันธะที่ลงนามร่วมกับพรรคประชาชน โดยย้ำว่าเมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม ต้องคืนอำนาจให้ประชาชน
ด้านนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า หากมีการยุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่ ประชาชนจะได้รับบัตรเลือกตั้งจำนวน 4 ใบ
-บัตรเลือก ส.ส.เขต
-บัตรเลือก ส.ส.บัญชีรายชื่อ
-บัตรลงประชามติรัฐธรรมนูญ
-บัตรสอบถามความเห็นประชาชนเกี่ยวกับการยกเลิกบันทึกข้อตกลง (MOU) ระหว่างไทย-กัมพูชา
เขาอธิบายว่า เนื่องจากรัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลเฉพาะกิจ จึงไม่ควรตัดสินใจเรื่องสำคัญกับประเทศเพื่อนบ้านด้วยตนเอง และควรให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ผ่านกระบวนการประชามติ เพราะประชาชนคือเจ้าของอำนาจอธิปไตย






