นายกฯ อนุทิน ยึด 3 หลัก สำคัญ หวังแก้ปัญหาเร่งด่วนประเทศ
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 29 กันยายน 2568 ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อรับฟังการแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญ โดยมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้นำคณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงแนวทางการบริหารประเทศต่อสมาชิกรัฐสภา
นายอนุทินระบุว่า รัฐบาลชุดนี้ยึดหลักสำคัญ 3 ประการในการบริหารราชการแผ่นดิน
-พิทักษ์รักษาสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
-ยึดมั่นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
-ยึดหลักนิติธรรมและธรรมาภิบาลในการบริหารประเทศ
นายกรัฐมนตรีชี้แจงว่า รัฐบาลเข้ารับหน้าที่ท่ามกลางสถานการณ์ความไม่แน่นอน ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยยังเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย และไม่ได้เป็นผู้จัดทำงบประมาณปี 2569 ทำให้ต้องเร่งแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ทั้งเศรษฐกิจ ความมั่นคง สังคม และสิ่งแวดล้อม พร้อมกับการวางรากฐานเพื่ออนาคต
นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล
นายอนุทินกล่าวว่า รัฐบาลกำหนดนโยบายสำคัญหลายด้าน
ด้านเศรษฐกิจ: เน้นสร้างรายได้ ลดค่าครองชีพ เช่น ลดค่าใช้จ่ายพลังงาน ค่าน้ำ ค่าโดยสาร สนับสนุนโครงการคนละครึ่ง รวมถึงการดูแลราคาสินค้าเกษตร และส่งเสริมธุรกิจรายย่อย
แก้ไขปัญหาหนี้สิน: เช่น หนี้บุคคลไม่เกิน 100,000 บาท และเพิ่มสภาพคล่องแก่ SME รายละไม่เกิน 1 ล้านบาท
การท่องเที่ยว: สร้างความเชื่อมั่น ปราบโกงนักท่องเที่ยว
ผลกระทบจากสงครามการค้า: ตั้งทีมไทยแลนด์เปิดตลาดใหม่ และดูแลเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีของต่างประเทศ
ความมั่นคง: เร่งคลี่คลายปัญหาพิพาทไทย-กัมพูชาผ่านการเจรจาทางการทูต และยึดมั่นอธิปไตยของไทย รวมถึงการทำประชามติเรื่องบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับกัมพูชา
นโยบายต่างประเทศ: เน้นเชิงรุก สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของโลก และพัฒนา 3 จังหวัดชายแดนใต้ทั้งด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจ
รัฐบาลจะปราบปรามการพนันผิดกฎหมายอย่างจริงจัง ไม่สนับสนุนธุรกิจพนันหรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงจะเสนอแก้ไขกฎหมายเพื่อควบคุมการพนันให้มากที่สุด พร้อมย้ำความเข้มงวดในการลงโทษเจ้าหน้าที่รัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด
นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการปราบปรามการทุจริตโดยร่วมมือกับ ป.ป.ช. และภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อเรียกคืนความเชื่อมั่นในระบบราชการ
ด้านสิ่งแวดล้อมและภัยพิบัติ
-ติดตั้งระบบเตือนภัยในพื้นที่เสี่ยง
-ฟื้นฟูผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน
-บริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน
-สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ยานยนต์ไฟฟ้า และขนส่งสาธารณะ
การบริหารภาครัฐ
-ปฏิรูปราชการ เชื่อมโยงระบบรัฐบาลดิจิทัล
-ยกเลิกกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อประชาชน
-ผลักดันแนวนโยบายแห่งรัฐและยุทธศาสตร์ชาติ เช่น การศึกษา สาธารณสุข และพัฒนาภาคเกษตรกรรมไปสู่เกษตรอัจฉริยะ
นายอนุทินยืนยันว่า รัฐบาลจะบริหารประเทศด้วยความซื่อสัตย์ ยึดมั่นในผลประโยชน์ของประเทศชาติ เน้นการใช้จ่ายงบประมาณอย่างรอบคอบ โปร่งใส ภายใต้กรอบวินัยการคลัง พร้อมเร่งวางรากฐานการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนในทุกมิติ เพื่อให้ประชาชนมีความอยู่ดีมีสุขในระยะยาว
พร้อมกันนี้ รัฐบาลยังให้ความสำคัญต่อการผลักดันการจัดทำประชามติ และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ด้วยกระบวนการที่มีส่วนร่วมของประชาชน ตามแนวทางที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยไว้






