จากสื่อต่างประเทศ ได้รายงานว่า นางเอกดัง ซ่งอีเหริน โพสต์แถลงอธิบายเรื่องข่าวลือกรณีการเสียชีวิตของคุณ อวี๋เหมิงหลง โดยได่เผยว่า ไม่นานมานี้ มีข่าวลือจำนวนมากในโลกออนไลน์พุ่งเป้ามาที่ฉัน สร้างเรื่องบิดเบือนว่าฉันเป็นผู้แนะนำให้รู้จักกับผู้มีอิทธิพล จัดหาคนไปดื่มเหล้า วางแผนอยู่ในที่เกิดเหตุ หลบหนีไปต่างประเทศ ไปจนถึงเป็น ฆ า ต ก ร

ข้อกล่าวหาและคำหยาบคายต่าง ๆ เหล่านี้กดทับจนฉันแทบหายใจไม่ออก และส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการทำงานและการใช้ชีวิตตามปกติของฉัน ตอนนี้ฉันกำลังเผชิญกับความรุนแรงบนโลกออนไลน์ที่เกินจะรับไหว

ความจริงคือ ฉันไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ ฉันก็เหมือนกับทุกคน ที่เพิ่งทราบข่าวในเช้าวันนั้น เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อผู้ล่วงลับ และเพื่ออธิบายความจริงต่อทุกคน ฉันขอชี้แจงเกี่ยวกับข่าวลือดังนี้

ภาพไลฟ์ที่เคยแชร์ในโซเชียล ไม่ได้ถ่ายในวันเดียวกันทั้งหมด ฉันคุ้นเคยกับการเก็บภาพไว้แล้วค่อยนำมาลงพร้อมกันทีเดียว หนึ่งในนั้นคือรูปที่ฉันไปกินข้าวกับเพื่อนสามคนในร้านอาหาร วันนั้นมีเพื่อนคนหนึ่งบ่นถึงสามีของเธอ แต่ไม่ใช่คำพูดของฉัน อีกภาพที่ฉันใส่เสื้อยืดแขนสั้นสีดำถือแก้วเครื่องดื่ม เป็นรูปที่ฉันกินข้าวกับผู้ช่วยในร้านอาหารตอนไปอัดรายการที่เจียซิง มีพนักงานและลูกค้าคนอื่นอยู่ด้วย ฉันไม่รู้เลยว่ามีเรื่องอะไรตามที่คนเอามาโยง

ภาพถ่ายคู่กับเฉิงเหล่าซือ (คุณเฉิงชิงซง) ภาพนั้นถ่ายตอนฉันอายุ 13 ปี ในรายการ และนั่นเป็นการพบกันเพียงครั้งเดียว หลังจากนั้นไม่เคยเจอหรือมีการติดต่อใด ๆ อีก เรื่องที่ว่า “คุณพ่อฉันโอนเงิน 270 ล้านให้เถียนเหล่าซือ” ไม่เป็นความจริง ครอบครัวฉันเป็นครอบครัวธรรมดา และฉันก็ไม่รู้จักคุณฟางหรือคุณเถียนตามที่มีคนกล่าวอ้าง

ฉันเคยเช่าห้องพักอยู่ชั้นสูงของอาคาร 18 จริง จึงมีรูปชีวิตประจำวันที่ถ่ายที่นั่นหลายรูป แต่ฉันย้ายออกตั้งแต่ 9 เดือนก่อน ภาพถ่ายในที่มืดหรือรูปที่บอกว่า “ผู้หญิงของXX” “ไปเอาเสื้อผ้าที่บ้านซ่งอีเหริน” “ถือโทรศัพท์ถ่าย” ทั้งหมดไม่ใช่ฉัน

ฉันเป็นพลเมืองจีน หลังจากเกิดเรื่องขึ้น ฉันก็อยู่ที่ปักกิ่งตลอด ไม่เคยหนีออกนอกประเทศอย่างที่ลือ และฉันก็ไม่รู้จักบรรดานายทุนใหญ่ตามที่คนกล่าวหา การทำงานของฉันอาศัยความพยายามของตัวเองมาตลอด ไม่มีทางลัด หลังถูกโจมตีทางออนไลน์ ฉันไม่เคยลบหรือแก้ไขโพสต์หรือรูปใด ๆ ที่เคยลงไว้ และฉันขอบคุณแพลตฟอร์มโซเชียลที่ได้ลบข้อมูลเท็จตามกฎหมายหลังเกิดเหตุ

เนื่องจากฉันหมดสัญญากับบริษัทต้นสังกัดเดิมเมื่อเดือนมิถุนายนปีนี้ ฉันจึงไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากบริษัทหรือทีมงานได้ หากออกมาชี้แจงเองก็ยิ่งจะทำให้ถูกจับตามองและเจอกับกระแสโจมตีหนักขึ้น ฉันจึงตัดสินใจรอให้ทุกอย่างสงบลงก่อนแล้วค่อยพูด

การปล่อยข่าวลือและการทำร้ายกันบนโลกออนไลน์ จะทำให้มีผู้บริสุทธิ์ได้รับบาดเจ็บมากขึ้น หลังผ่านเรื่องราวเหล่านี้มา ฉันเพียงหวังว่าคนที่ปล่อยข่าวลือจะกล้าพูดคำว่า “ขอโทษ” ฉันไปแจ้งความกับตำรวจแล้ว และมอบหมายให้ทนายความดำเนินการทางกฎหมายต่อไป แม้กำลังของฉันจะมีจำกัด แต่ฉันเชื่อว่าความยุติธรรมจะไม่มีวันสายเกินไป