นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างฯ เสนอ 4 ข้อแก้ ถนนทรุด เผย 3 ปัจจัยเสี่ยง
วันที่ 26 กันยายน 2568 ศาสตราจารย์ ดร.อมร พิมานมาศ นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย และอาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ถนนทรุดตัวบริเวณหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล โดยระบุว่า หลุมยุบที่เกิดขึ้นครั้งนี้ อาจเป็นหนึ่งในหลุมยุบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย
ดร.อมร อธิบายว่า การยุบตัวของถนนในครั้งนี้เกิดจากดินใต้ผิวถนนจำนวนมากไหลเข้าไปในโครงสร้างใต้ดิน ผ่านจุดอ่อนที่อาจเป็นรอยต่อระหว่างอุโมงค์กับโครงสร้างสถานี หรือบริเวณที่ชิ้นส่วนของอุโมงค์หรือผนังสถานีเกิดความเสียหายหรือแตกร้าว
เมื่อดินจำนวนมากเคลื่อนตัวเข้าไปในช่องว่างเหล่านี้ โครงสร้างถนนด้านบนจึงไม่สามารถรองรับน้ำหนักได้ และยุบตัวลงจนเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่ ความเสียหายที่เกิดขึ้นยังส่งผลให้ดินโดยรอบทรุดตัวตาม และอาจทำให้โครงสร้างใกล้เคียงแตกร้าวหรือเสียหายตามไปด้วย โดยเฉพาะในพื้นที่ชั้นดินอ่อน และช่วงฤดูฝนซึ่งดินมีความชื้นและเคลื่อนตัวได้ง่ายยิ่งขึ้น
สำหรับสาเหตุของการเกิดหลุมยุบครั้งนี้ ศ.ดร.อมร ชี้ว่ามาจาก 3 ปัจจัยหลัก
-ชั้นดินอ่อนในพื้นที่
-ปริมาณน้ำในดิน ทั้งจากธรรมชาติและท่อสาธารณูปโภค
-การก่อสร้างใต้ดิน เช่น อุโมงค์และสถานีรถไฟฟ้า
ศ.ดร.อมร เสนอแนวทางรับมือและป้องกันปัญหาหลุมยุบในอนาคต 4 ประการ
1.หาสาเหตุให้ชัดเจน โดยเร็วที่สุด
-ตั้งคณะกรรมการอิสระ ที่ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานวิชาการและวิชาชีพ
-รายงานผลสอบสวนต้องเปิดเผยต่อสาธารณะ เพื่อให้เกิดการตรวจสอบและแลกเปลี่ยนความเห็นในแวดวงวิศวกรรมอย่างโปร่งใส
2.จัดการกับพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบทันที แบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 โซนหลัก
-พื้นที่หลุมยุบ
-โครงสร้างใกล้เคียงที่ได้รับความเสียหาย
-โครงสร้างอุโมงค์และรอยต่อที่อาจแตกร้าว
การจัดการควรพิจารณาทางเลือกวิศวกรรมที่เหมาะสม เช่น การเสริมกำลังโครงสร้าง การติดตั้งระบบตรวจวัดการเคลื่อนตัวของดิน และการรักษาสมดุลแรงดันดิน
3.ตรวจสอบซ้ำโครงการอื่นที่มีลักษณะก่อสร้างใกล้เคียง
-ทั้งโครงการที่กำลังดำเนินการ และโครงการในอนาคต ควรพิจารณาเพิ่มสัดส่วนความปลอดภัยด้านวิศวกรรมให้มากกว่ามาตรฐานที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
4.ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในการก่อสร้างโครงสร้างใต้ดิน
-โดยเฉพาะในพื้นที่ชั้นดินอ่อน ควรติดตั้งระบบตรวจวัดการเคลื่อนที่ของดินแบบเรียลไทม์
-มีระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติล่วงหน้า เพื่อให้สามารถปิดการจราจรหรืออพยพประชาชนได้ทันเวลา






