กรมอุตุฯ เตือน 43 จังหวัด ฝนตกหนัก
วันที่ 24 กันยายน 2568 กรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขณะที่ภาคเหนือและภาคกลางมีฝนตกหนักบางพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดนครพนม จันทบุรี และตราด ส่วนภาคใต้จะมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง
ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก รวมถึงฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะในพื้นที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง
ทั้งนี้ เป็นผลมาจากร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และอ่าวไทย ซึ่งมีกำลังแรงขึ้น
ทะเลอันดามันตอนบนจะมีคลื่นสูง 2-3 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองอาจมีคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนจะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร โดยบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองอาจมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และควรหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 26 กันยายน 2568
พายุไต้ฝุ่น รากาซา (RAGASA) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้เกาะฮ่องกง และเคลื่อนผ่านแนวชายฝั่งทางตอนใต้ของประเทศจีนลงสู่อ่าวตังเกี๋ยในวันที่ 25 กันยายน 2568 จากนั้นจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อน และเคลื่อนขึ้นฝั่งทางตอนบนของประเทศเวียดนามก่อนจะอ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนที่แผ่ลงมาปกคลุม โดยพายุนี้จะไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย แต่จะส่งผลให้ร่องมรสุมและมรสุมที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้นในช่วงวันที่ 24-26 กันยายน 2568
ภาคเหนือ
มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70 ของพื้นที่
และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน ลำปาง ลำพูน ตาก กำแพงเพชร พิจิตร และเพชรบูรณ์
อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส
ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70 ของพื้นที่
และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร มหาสารคาม ยโสธร อำนาจเจริญ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส
ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ภาคกลาง
มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่
และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี สระบุรี และกาญจนบุรี
อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ภาคตะวันออก
มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70 ของพื้นที่
และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด
อุณหภูมิต่ำสุด 24–28 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 28-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ภาคใต้ฝั่งตะวันออก
มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี
อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร, ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ภาคใต้ฝั่งตะวันตก
มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต
อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส
ตั้งแต่จังหวัดภูเก็ตขึ้นไป: ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร
ตั้งแต่จังหวัดกระบี่ลงไป: ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง






