ภูมิธรรม อึ้งคำพูด ธนาธร ส่อป้องเขากระโดง เสียดายปชน.ไม่เป็นรัฐบาล
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 23 กันยายน 2568 ที่พรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ออกมาพูดถึงคดีฮั้ว ส.ว. และปมที่ดินเขากระโดง โดยตั้งคำถามว่า หากมีมูลความผิดจริง เหตุใดรัฐบาลพรรคเพื่อไทยจึงไม่สั่งให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดำเนินคดีฟ้องร้อง
นายภูมิธรรมกล่าวว่า เรื่องนี้ควรย้อนไปดูว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ใครเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดการที่ดินคือกรมที่ดิน และผู้ที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีมหาดไทยในช่วงนั้นก็คือนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีในปัจจุบัน ซึ่งไม่ได้ดำเนินการใด ๆ ในเรื่องนี้
เมื่อผมเข้าไปเริ่มรับหน้าที่ ก็ได้เริ่มเดินหน้าดำเนินการทันที การจะบอกว่า 2 ปีที่ผ่านมาไม่มีอะไรคืบหน้านั้นไม่ถูกต้อง เพราะนายอนุทินต่างหากที่ไม่ทำหน้าที่ตรงนี้ นายภูมิธรรมกล่าว
พร้อมระบุว่า สิ่งที่นายธนาธรพูดออกมานั้น ทำให้ทั้งตนเองและประชาชนรู้สึก อึ้ง เพราะไม่คาดว่าจะออกจากปากของผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคประชาชน
ผมคงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก ไปถามประชาชนเถอะว่า เขารู้สึกอย่างไรกับคำพูดแบบนี้ นายธนาธรควรกลับไปทบทวนว่าพูดเพราะเชื่ออย่างนั้นจริง ๆ หรือพูดไปเพื่อใครกันแน่ นายภูมิธรรมกล่าว
ได้มีการถามว่า หลายคนมองว่านายธนาธรพูดในลักษณะเหมือนปกป้องรัฐบาล อาจไม่ใช่ฝ่ายค้านอย่างแท้จริง นายภูมิธรรมกล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า นักข่าวถามเองตอบเอง ผมไม่ขอวิจารณ์ ทุกอย่างอยู่ในสายตาประชาชน
นอกจากนี้ นายภูมิธรรมยังกล่าวถึงการเตรียมตัวของพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งหน้า ว่า แม้จะมีเวลาเพียง 4 เดือน แต่ก็เป็นเวลาเท่ากันสำหรับทุกพรรค ซึ่งไม่ใช่ประเด็นหลัก
สิ่งสำคัญคือคนที่อยู่ในรัฐบาลตอนนี้ได้โอกาสแล้ว ควรจะต้องทำให้ประชาชนเห็น ไม่ใช่แค่พูด แต่ต้องลงมือทำ นายภูมิธรรมกล่าว
เขากล่าวเพิ่มเติมว่า พรรคประชาชนเคยแสดงความต้องการเป็นรัฐบาลอย่างชัดเจน ทั้งเคยอภิปรายเสนอแนวทางการทำงานไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงแรงงาน มหาดไทย หรือการคลัง แต่เมื่อได้โอกาสเข้าร่วมรัฐบาลจริง กลับปล่อยให้ตำแหน่งเหล่านั้นตกไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทย
ถ้าคิดว่าอยากแสดงฝีมือ แต่พอมีโอกาสจริงกลับไม่คว้าไว้ แล้วจะไปหวังกับการเลือกตั้งในอนาคตได้อย่างไร? ประชาชนจะตั้งคำถามเองว่า ทำไมไม่ทำเมื่อมีโอกาส นายภูมิธรรมกล่าวทิ้งท้าย






