แม่ค้าชายแดน เห็นด้วยปิดด่านกัมพูชาต่อ เผยสบายใจกว่า แม้รายได้จะหาย

แม่ค้าชายแดน เห็นด้วยปิดด่านกัมพูชาต่อ เผยสบายใจกว่า แม้รายได้จะหาย

วันที่ 20 กันยายน 2568 ภายหลังผู้บัญชาการเหล่าทัพมีมติร่วมกันให้ ปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา จนกว่าจะมั่นใจว่าเขมรจะไม่เป็นภัยคุกคามต่อประเทศไทย ได้มีการลงพื้นที่สำรวจสถานการณ์บริเวณด่านพรมแดนช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์

บรรยากาศโดยทั่วไปเป็นไปอย่างเงียบเหงา ร้านค้าหลายแห่งทยอยปิดตัวลง ร้านสะดวกซื้อบางแห่งปิดไม่มีกำหนดมากว่า 2 สัปดาห์ ขณะที่ร้านอาหารและแผงค้าพืชผักสดที่ยังเปิดอยู่ ก็เผชิญกับยอดขายที่ลดลงอย่างหนักเนื่องจากขาดนักท่องเที่ยวและแรงงานข้ามแดน

นางศิริภา บูรณ์เจริญ แม่ค้าขายอาหารในย่านการค้าช่องจอม เปิดเผยว่า ตนและชาวบ้านส่วนใหญ่ เห็นด้วยอย่างยิ่ง กับคำสั่งปิดด่าน เนื่องจากเชื่อว่าจะช่วยยุติปัญหาชายแดนที่ยืดเยื้อ และทำให้ประชาชนรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น แม้จะกระทบต่อรายได้ในระยะสั้น แต่ก็ยอมรับได้ เพราะ อยากได้แผ่นดินคืน โดยเฉพาะพื้นที่ปราสาทตาควาย และต้องการให้รัฐบาลแสดงท่าทีชัดเจนมากกว่าการเจรจา

แม้จะขายของได้น้อยลง แต่เรายอมรับได้ ขอเพียงได้อยู่บนแผ่นดินที่มั่นคง ไม่ต้องกลัวอะไรจากเขมรอีก นางศิริภา กล่าว

ชาวบ้านในพื้นที่ยังเรียกร้องให้ทหาร เร่งดำเนินการเด็ดขาด เพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งกับกัมพูชาโดยเร็ว พร้อมประกาศความร่วมมือเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการอพยพตามแผนความมั่นคง หรือให้ความช่วยเหลือด้านข้อมูล

ทั้งนี้ ชาวบ้านระบุว่า หากสถานการณ์ยังยืดเยื้อ จะส่งผลต่อเศรษฐกิจระดับท้องถิ่นอย่างรุนแรง ทั้งปัญหาหนี้สิน รายได้ที่ลดลง และความไม่มั่นใจในอนาคต โดยเฉพาะในหมู่ลูกหลานที่จะเติบโตมาในพื้นที่ความขัดแย้ง

เราต้องรีบแก้ในยุคนี้ ไม่เช่นนั้นรุ่นลูกรุ่นหลานเราจะอยู่ในวงจรความขัดแย้งไปอีกนาน ความเห็นจากชาวบ้านรายหนึ่ง

นอกจากนี้ ชาวบ้านยังเชื่อว่าความไม่มั่นคงตามแนวชายแดนอาจเชื่อมโยงกับปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มักมีฐานปฏิบัติการอยู่ฝั่งกัมพูชา จึงเห็นว่าการปิดด่านและควบคุมพรมแดนอย่างเข้มงวด จะเป็นแนวทางหนึ่งในการตัดวงจรอาชญากรรมเหล่านี้

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ