จากสื่อต่างประเทศ ได้รายงานว่า ต้นสังกัด คิมซูฮยอน งานเข้า เจอแฉยับเรื่องเงินไม่โปร่งใส หลังออกจากกรมเมื่อปี 2019 ซูฮยอนก็ย้ายมาอยู่กับ Gold Medalist ซึ่งตอนนั้นหลายคนก็เมาท์กันว่า “เอ๊ะ บริษัทใหม่อะไร ทำไมดูครอบครัวจ๋า” เพราะว่ามีข่าวลือว่า พี่ชายแท้ ๆ ของซูฮยอน (อีโรเบ หรือชื่อในวงการว่า อีซาราง) คือคนคุมเบื้องหลัง ทั้งที่บนเอกสารบอกว่าเจ้าของคือ “สมาคมลงทุน Bareun No.2” แบบ 100% เลยนะ

แต่จุดพีคคือ… เริ่มมีคนสงสัยว่า สมาคม Bareun No.2 นี้จริง ๆ แล้วมีตัวตนแค่ในกระดาษ เพราะที่ตั้งบริษัทคืออาคาร 3 ชั้นเล็ก ๆ ในย่านจังวีดงของโซล ชั้น 2 ที่ว่าคือสำนักงาน กลับกลายเป็นร้านขายเครื่องมือแพทย์ ไม่มีแม้แต่ป้ายชื่อบริษัทบันเทิงจ้า

จากรายงานตรวจสอบบัญชีระหว่างปี 2020 - 2024 มีการจ่ายค่าตอบแทนให้ศิลปินในค่ายรวมแล้วแค่ประมาณ 670 ล้านวอนหรือประมาณ 48 ล้านบาท เท่านั้นนะเธอ! แบ่งเป็นรายปีอยู่ที่ราว ๆ 3.7 ล้านบาท ถึง 19.5 ล้านบาทต่อปีเอง บอกเลยว่า ตกใจแรง เพราะในวงการบันเทิงเกาหลี ปกติแล้วบริษัทจะต้องจ่ายค่าตอบแทนให้ศิลปินประมาณ 80–90% ของรายได้ เลยนะ แต่ของ Gold Medalist กลับจ่ายน้อยจนน่าเอ๊ะ.

ยิ่งในปี 2024 ที่ละคร Queen of Tears ฮิตถล่มทลาย ซูฮยอนเองก็คว้าโฆษณาไปกว่า 16 แบรนด์ ทั้ง Prada, Homeplus, Eider ฯลฯ ส่งผลให้บริษัทฟาดรายได้กว่า 20,000 ล้านวอน หรือประมาณ 1,440 ล้านบาท แต่กลับจ่ายค่าตอบแทนรวม ๆ แค่ 2,700 ล้านวอน (ประมาณ 195 ล้านบาท) เท่านั้น ซึ่งเทียบกับรายได้แล้วคือ จ่ายไม่ถึง 14% ด้วยซ้ำ

ถ้าอยากรู้ว่าตัวเลขนี้ปกติไหม เรามีตัวอย่างมาให้ดูเทียบกันชัด ๆ:

- EDAM Entertainment (ค่ายของ IU):

- ปี 2023 จ่ายค่าตอบแทนไปกว่า 26,300 ล้านวอน (ประมาณ 1,890 ล้านบาท)

- ปี 2024 พุ่งถึง 33,600 ล้านวอน (ประมาณ 2,420 ล้านบาท)

- ADOR (ค่ายของ NewJeans):

- จ่ายเฉลี่ยต่อสมาชิกคนละเกือบ 670 ล้านบาท เลยนะเธอ

- Hook Entertainment (ค่ายของอีซึงกิ):

- ถึงแม้จะขาดทุนสุทธิ แต่ก็ยังจ่ายค่าตอบแทนไปถึง 79% ของรายได้รวม

ตัดภาพกลับมาที่ Gold Medalist บางปี ค่าพาไปเลี้ยงข้าว-เลี้ยงเหล้า ยังมากกว่าค่าตอบแทนศิลปินอีก

ต้นสังกัดออกมาพูดว่า ทาง Gold Medalist ก็รีบออกมาชี้แจงว่า ข้อมูลการจ่ายเงินศิลปินเป็นเรื่องส่วนตัว เราใส่ไว้ในต้นทุนค่าบริการ ไม่ได้อยู่แค่ในหมวดค่าคอมมิชชันนะคะ อย่าเข้าใจผิด

ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าซูฮยอนรู้หรือไม่รู้เรื่องพวกนี้แค่ไหน เพราะเขาทำหน้าที่แค่นักแสดงหลักของค่าย ไม่ได้บริหารเองโดยตรง แต่ด้วยความที่พี่ชายเขาเกี่ยวข้องขนาดนี้ + ชื่อเสียงของเขาต้องใช้เรียกยอดขายทุกทาง คนก็เลยจับตามองว่า พระเอกสุดฮอต โดนเอาเปรียบหรือเปล่า