กต.ชี้ฮุน มาเนต ฟ้องโลกสร้างภาพ ปมหนองหญ้าแก้ว
วันที่ 19 กันยายน 2568 นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ภายหลังเกิดเหตุประท้วงของประชาชนกัมพูชาบริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว ซึ่งส่งผลให้เจ้าหน้าที่ไทยบางส่วนได้รับบาดเจ็บ พร้อมทั้งมีความเคลื่อนไหวจากฝ่ายกัมพูชาส่งหนังสือร้องเรียนไปยังผู้นำประเทศต่าง ๆ รวมถึงนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และเลขาธิการสหประชาชาติ
นายนิกรเดชระบุว่า เหตุการณ์เมื่อวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา เป็นผลจากการยั่วยุของฝ่ายกัมพูชา ซึ่งฝ่าฝืนข้อตกลงหยุดยิงที่ทั้งสองประเทศเคยร่วมลงนาม ไทยยืนยันว่าปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างเคร่งครัด และมีความอดกลั้นอย่างสูงในการควบคุมสถานการณ์ โดยการวางสิ่งกีดขวางในพื้นที่อธิปไตยของไทย เป็นการดำเนินการเพื่อความมั่นคงและความปลอดภัยของประชาชนทั้งสองฝั่ง ไม่ใช่การรุกรานแต่อย่างใด
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศเน้นว่า แม้จะมีการยั่วยุและการปลุกระดมจากฝ่ายกัมพูชา แต่เจ้าหน้าที่ไทยยังใช้วิธีสื่อสาร ชี้แจง และใช้มาตรการควบคุมฝูงชนตามหลักสากล โดยไม่มีการใช้ความรุนแรงต่อพลเรือน พร้อมประณามการนำประชาชนมาเป็น โล่มนุษย์ ซึ่งถือว่าไร้มนุษยธรรมและขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ
ฝ่ายไทยแสดงความผิดหวังต่อท่าทีของรัฐบาลกัมพูชา ที่เลือกใช้แนวทางความขัดแย้งแทนการเจรจาเพื่อสันติภาพ ทั้งที่ทั้งสองฝ่ายได้ให้คำมั่นในกรอบของข้อตกลงหยุดยิงและการประชุมความร่วมมือชายแดน (GBC) ซึ่งควรใช้เป็นกลไกในการคลี่คลายความตึงเครียด
นายนิกรเดชกล่าวว่า พฤติกรรมของฝ่ายกัมพูชาในช่วงที่ผ่านมา ทั้งการยั่วยุ การร้องเรียนต่อองค์กรระหว่างประเทศ และการแถลงข่าวบิดเบือนความจริง เป็นความพยายามจัดฉากเพื่อสร้างกระแสในเวทีระหว่างประเทศ ขาดความจริงใจและไม่สอดคล้องกับจิตวิญญาณของการเจรจาทวิภาคี
โฆษกระบุว่า ไทยยังคงใช้ช่องทางและกลไกทวิภาคี เช่น GBC, JBC และ RBC ตลอดจนกลไกระหว่างหน่วยงานระดับจังหวัดและระดับประเทศ เพื่อรักษาความสัมพันธ์ และป้องกันไม่ให้สถานการณ์ลุกลาม ทั้งนี้ ฝ่ายไทยได้ตอบโต้ข้อกล่าวหาและชี้แจงข้อเท็จจริงต่อประชาคมระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง รวมถึงหนังสือล่าสุดที่ยื่นต่อเลขาธิการสหประชาชาติ โดยยืนยันว่าการบริหารจัดการพื้นที่ชายแดนของไทยทำด้วยหลักมนุษยธรรมและความชอบธรรมภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ
ฝ่ายไทยหวังว่าเวทีระหว่างประเทศที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น การประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก, การประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 47 ที่กัวลาลัมเปอร์ และการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค จะเป็นโอกาสพิสูจน์เจตนารมณ์ที่แท้จริงของฝ่ายกัมพูชา
นายนิกรเดชกล่าวย้ำว่า ไทยและกัมพูชาเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ไม่สามารถแยกจากกันได้ ความไว้เนื้อเชื่อใจจึงเป็นรากฐานสำคัญของความสัมพันธ์ และต้องเกิดจากความจริงใจซึ่งกันและกัน ไม่ใช่การบิดเบือนข้อเท็จจริงหรือสร้างสถานการณ์เพื่อเรียกร้องความเห็นใจจากนานาชาติ
ในช่วงตอบคำถาม นายนิกรเดชยืนยันว่า แม้ไทยจะยึดหลักสันติวิธีเป็นหลัก แต่ก็พร้อมใช้สิทธิในการปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงของประเทศตามกฎหมายระหว่างประเทศ โดยจะดำเนินการอย่างมีสัดส่วนและไม่กระทบต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ พร้อมทั้งเปิดเผยว่าไทยได้ส่งหนังสือไปยังสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชาแล้วเมื่อวันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา แต่ยังไม่ได้รับคำตอบอย่างเป็นทางการจากฝ่ายกัมพูชา
ทั้งนี้ ไทยยังคงหวังเห็นท่าทีที่สร้างสรรค์และจริงใจจากรัฐบาลกัมพูชา เพื่อร่วมกันหาทางออกจากปัญหาด้วยสันติวิธี และหลีกเลี่ยงไม่ให้สถานการณ์บานปลายไปสู่ความรุนแรงในอนาคต






