
ทนายอนันต์ชัย ยื่นหลักฐาน บิ๊กเต่า สอบเส้นทางการเงินพระวัดดัง - สีกา
เวลา 10.00 น. วันที่ 19 กันยายน 2568 ที่กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ชั้น 16 อาคารพิทักษ์สันติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม พร้อมคณะ ได้เข้ายื่นหลักฐานเส้นทางการเงินต่อ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว เพื่อสนับสนุนการดำเนินคดีกับพระจากวัดชื่อดังแห่งหนึ่ง โดยมีเป้าหมายเพื่อตรวจสอบการใช้จ่ายเงินบริจาคของวัด
นายอนันต์ชัยเปิดเผยว่า ประเด็นสำคัญอยู่ที่เงินจำนวน 12.2 ล้านบาท ซึ่งเอกสารที่นำมาวันนี้แสดงให้เห็นการโอนเงินอย่างชัดเจนใน 4 ครั้ง
ครั้งที่ 1: 6,000,000 บาท
ครั้งที่ 2: 270,000 บาท
ครั้งที่ 3: 200,000 บาท
ครั้งที่ 4: 1,500,000 บาท
โดยเงินทั้งหมดถูกโอนคืนกลับวัดแล้วจากทางฝ่ายสีกาผู้เกี่ยวข้อง
สำหรับกรณีข้อพิพาทในต่างประเทศ โดยเฉพาะในเยอรมนี พระวัดดังกล่าวได้แจ้งความเอาผิดสีกา ฐานฉ้อโกงและยักยอกทรัพย์ โดยอ้างว่าสีกาไม่ยอมโอนเงินเข้าบัญชีมูลนิธิในเยอรมนี อย่างไรก็ตาม จากการพูดคุยกับสีกา พบว่า ช่วงเปิดบัญชีมูลนิธิในเยอรมนี ได้มีการโอนเงิน 10,000 ยูโรเข้าสู่บัญชีหลายครั้งจนธนาคารเกิดข้อสงสัยและแจ้งตำรวจ ส่งผลให้บัญชีถูกระงับชั่วคราว แต่ภายหลังสีกาได้ชี้แจงต่ออัยการและได้รับคำสั่ง ไม่ฟ้อง
ระหว่างบัญชีถูกระงับ สีกาจึงเปลี่ยนวิธีโอนเงินจากบัญชีมูลนิธิไปยังบัญชีส่วนตัวของพระชั่วคราวแทน
ทั้งนี้ นายอนันต์ชัยได้ยื่นหลักฐานให้ตำรวจตรวจสอบว่าเงินบริจาคถูกนำไปใช้อย่างเหมาะสมตามวัตถุประสงค์หรือไม่ โดยเฉพาะการใช้จ่ายที่ไม่ปรากฏในบัญชีรายรับรายจ่ายที่ยื่นต่อสำนักพุทธศาสนาจังหวัดปทุมธานี ช่วงเดือนตุลาคม 2550 ถึง 30 มิถุนายน 2561 ซึ่งไม่มีการระบุยอดเงิน 12.2 ล้านบาทแต่อย่างใด
ขณะเดียวกัน สีกาคู่กรณีแสดงความพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม หากมีการดำเนินคดี และอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะกันไว้เป็นพยานหรือไม่
สำหรับคดีฟ้องร้องอื่นในต่างประเทศ อัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องทั้งหมด ยกเว้นคดีข้อหาฟอกเงินที่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาในประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเดินทางไปเทศนาธรรมในหลายประเทศยุโรปของพระรูปดังกล่าว
ด้าน ดร.ประยุทธ ประเทศเสนา หรือ มหาหมี รองประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า การใช้จ่ายเงินวัดต้องแยกระหว่าง บัญชีส่วนตัวของพระ กับ บัญชีเงินบริจาค ซึ่งบัญชีหลังต้องใช้ตามวัตถุประสงค์ที่ประกาศไว้เท่านั้น ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์