วันที่ 17 กันยายน 2568 ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน แถลงถึงข้อเสนอของพรรคในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยเสนอโมเดล 2 คณะ ประกอบด้วย คณะผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ และ คณะผู้แทนประชาชน เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการยกร่างอย่างแท้จริง โดยยืนยันว่าแนวทางนี้ไม่ซับซ้อนเกินไป และสอดคล้องกับแนวคิดเดิมของพรรคที่เสนอให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ร.

นายพริษฐ์ อธิบายว่า คณะผู้แทนประชาชนจะมีลักษณะคล้าย สภาที่ปรึกษา หรือ สภากำกับดูแล ไม่ได้มีหน้าที่ยกร่างรัฐธรรมนูญโดยตรง แต่จะทำหน้าที่รวบรวมความคิดเห็นจากประชาชนทั่วประเทศ และสะท้อนกลับไปยังคณะผู้ยกร่าง ซึ่งเป็นการออกแบบให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่เคยระบุว่า รัฐสภาไม่สามารถให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรง

สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างสองคณะ นายพริษฐ์ ระบุว่า คณะผู้แทนจะมีบทบาทในการสื่อสารและสะท้อนเสียงของประชาชน ไม่ใช่การมีอำนาจแทรกแซงการยกร่างโดยตรง และยืนยันว่าแนวทางนี้ไม่น่าจะก่อให้เกิดปัญหาทางกฎหมาย เพราะกระบวนการทั้งหมดตั้งอยู่บนพื้นฐานของการรับฟังความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง ทั้งจากประชาชน ตัวแทนภาคส่วนต่างๆ และสมาชิกของรัฐสภา

เมื่อถูกถามถึงการพูดคุยกับพรรคการเมืองอื่น ๆ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ได้มีการหารือกับนายชูศักดิ์ ศิรินิล จากพรรคเพื่อไทย และพบว่าทั้งสองพรรคมีแนวทางใกล้เคียงกัน โดยของพรรคประชาชนเสนอ สองคณะ ขณะที่พรรคเพื่อไทยเสนอ สภาเดียว” ที่มี “สองที่มา และต่างก็ไม่ใช่การตั้งกรรมการโดยตรง แต่เป็นกลไกเสริมเพื่อเปิดทางให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม

ในประเด็นที่หลายฝ่ายกังวลว่าจะเกิดการยื่นร้องศาลรัฐธรรมนูญ นายพริษฐ์ ระบุว่า หากรัฐสภามีฉันทามติร่วมกันในกระบวนการ ก็จะไม่เกิดปัญหาใด ๆ และย้ำว่าพรรคประชาชนพยายามออกแบบให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอย่างรอบคอบ พร้อมตั้งเป้าให้กระบวนการร่างรัฐธรรมนูญผ่านวาระที่สองและสามภายในเดือนธันวาคมนี้

สำหรับประเด็นเรื่องอำนาจของวุฒิสภา (ส.ว.) นายพริษฐ์ ชี้แจงว่า ร่างเดิมที่เสนอร่วมกับพรรคเพื่อไทย ไม่ได้ตัดอำนาจ ส.ว. ในการพิจารณารัฐธรรมนูญรายมาตรา แต่ปรับเงื่อนไขเรื่องเสียงข้างมากให้มีความเหมาะสมมากขึ้น โดยในรอบนี้เน้นไปที่การเพิ่มหมวด 15/1 ซึ่งว่าด้วยกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

เมื่อถามถึงความกังวลเรื่องอิทธิพลทางการเมืองในการเลือกตั้งผู้แทน นายพริษฐ์ ยืนยันว่า โมเดลที่เสนอไม่มีลักษณะใกล้เคียงกับการเลือก ส.ว. ในอดีต และไม่มีการให้ผู้สมัครคัดเลือกกันเอง จึงไม่เปิดช่องให้เกิดการฮั้วหรือแทรกแซงจากกลุ่มผลประโยชน์ พร้อมระบุว่า วิธีการป้องกันที่ดีที่สุดคือการส่งเสริมให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ เพราะความหลากหลายทางความคิดเห็นของประชาชนจะเป็นเกราะป้องกันไม่ให้กลุ่มใดครอบงำกระบวนการได้

ถ้าทุกพรรคมีความตั้งใจจริง ก็ไม่มีอะไรน่ากังวล หมุดหมายสำคัญอยู่ที่การเดินหน้าให้ทันภายในเดือนธันวาคม และยึดหลักการให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง นายพริษฐ์กล่าวย้ำในช่วงท้าย