วันที่ 17 สิงหาคม 2568 ได้รับการร้องเรียนจากหญิงรายหนึ่ง ซึ่งเป็นมารดาของพระลูกวัดวัย 23 ปี ที่จำพรรษาอยู่ในวัดแห่งหนึ่ง ภายในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยระบุว่า ลูกชายของตนถูกเจ้าอาวาสของวัด ซึ่งมีสมณศักดิ์เป็นพระครู ทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรงภายในกุฏิของวัด เหตุเกิดเมื่อเวลา 09.00 น. ของวันที่ 4 พฤษภาคมที่ผ่านมา

หลังเกิดเหตุ ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ ซึ่งภายหลังจากการสอบปากคำและรวบรวมพยานหลักฐาน พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อเจ้าอาวาสในข้อหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส และได้ส่งสำนวนให้อัยการดำเนินการสั่งฟ้องแล้ว โดยศาลได้นัดเข้าสู่กระบวนการคุ้มครองสิทธิในวันที่ 21 ตุลาคมนี้

แม่ของพระผู้เสียหาย เปิดเผยว่า พระลูกชายของตนจำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งนี้เป็นพรรษาที่ 2 โดยมีศักดิ์เป็นญาติกับเจ้าอาวาสด้วย อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลังตนได้รับข้อมูลว่า มีลูกศิษย์ของเจ้าอาวาสที่เคยบวชอยู่ และลาสิกขาไปแล้ว แต่ยังคงพักอาศัยและดูแลเจ้าอาวาสภายในกุฏิ มีพฤติกรรมมั่วสุมและดื่มน้ำพืชกระท่อมกันเป็นประจำ ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ และต้องการให้ลูกชายย้ายไปจำวัดที่จังหวัดพัทลุงแทน

ก่อนเกิดเหตุ ตนได้ขอให้เพื่อนสนิทช่วยไปรับพระลูกชายออกจากวัด และขณะพระลูกชายเข้าไปกราบลาเจ้าอาวาสตามธรรมเนียม ปรากฏว่าเจ้าอาวาสกลับใช้กำลังทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรง โดยใช้เท้าเตะจนพระล้มลงกับพื้น จากนั้นยังเตะซ้ำอีกหลายครั้ง พร้อมใช้มือตบศีรษะอย่างแรงจนพระนอนแน่นิ่งกับพื้น

เพื่อนสนิทที่ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ได้รีบเข้าไปช่วย และพบว่าพระลูกชายมีเลือดออกจากปากอย่างมาก จึงรีบนำส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง โดยตลอดการเดินทาง พระมีอาการมึนงง พูดจาไม่รู้เรื่อง และเมื่อถึงโรงพยาบาล ขณะฉันข้าวต้ม ฟันล่างที่หัก 2 ซี่ถึงกับตกลงไปในถ้วยข้าวต้ม

แม่ของพระผู้เสียหายระบุอีกว่า เดิมยังไม่ต้องการร้องเรียนผ่านสื่อ เนื่องจากเกรงใจเจ้าอาวาสที่เป็นญาติกัน แต่เมื่อมีการแจ้งข้อกล่าวหาอย่างเป็นทางการแล้ว และเห็นว่าลูกชายได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส อีกทั้งยังอยู่ในภาวะหวาดผวา ไม่อยากพูดถึงเหตุการณ์ จึงตัดสินใจออกมาขอความเป็นธรรมผ่านสื่อ พร้อมระบุว่า ไม่สามารถยอมความได้ และต้องการให้ดำเนินคดีตามกฎหมายจนถึงที่สุด เนื่องจากการกระทำดังกล่าวไม่เหมาะสมกับสมณเพศ และยืนยันว่าไม่ต้องการให้มีการรอลงอาญา

นอกจากนี้ แม่ของพระยังเผยว่า หลังเกิดเหตุ เจ้าอาวาสพยายามติดต่อมาที่จังหวัดเชียงใหม่ ขณะที่เธอเดินทางไปทำธุรกิจ เพื่อขอเจรจาไกล่เกลี่ย แต่ตนยืนยันไม่ขอยอมความ เนื่องจากความรุนแรงที่เกิดขึ้นเกินกว่าที่จะให้อภัยได้

ด้านเพื่อนสนิทของแม่ผู้เสียหาย ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ เผยว่า ได้พาพระไปกราบลาเจ้าอาวาสตามที่ได้รับมอบหมาย แต่ขณะพนมมือจะกราบลา กลับถูกทำร้ายจนเลือดอาบและนอนแน่นิ่งกับพื้นอย่างน่าสลด ยอมรับว่ารู้สึกสะเทือนใจมากกับภาพที่เห็น และรู้สึกเสื่อมศรัทธาต่อวงการผ้าเหลืองอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อเห็นว่า หลังจากก่อเหตุแล้ว เจ้าอาวาสยังเดินขึ้นรถหรูออกไปรับกิจนิมนต์ต่อ โดยไม่สนใจอาการของพระลูกวัดแม้แต่น้อย

ทั้งนี้ ผู้เสียหายยังคงอยู่ในระหว่างการรักษา และต้องเข้าห้องไอซียูหลายครั้ง เนื่องจากมีอาการกระทบกระเทือนทางสมอง และยังมีสภาวะทางจิตใจที่ไม่มั่นคง ขณะที่ครอบครัวและผู้ใกล้ชิดเรียกร้องให้มีการดำเนินคดีอย่างโปร่งใส และให้ความยุติธรรมกับพระลูกวัดอย่างถึงที่สุด