วันที่ 16 กันยายน 2568 พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยถึงกรณีที่มีกระแสข่าวเรื่องการรุกล้ำดินแดนบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ฝ่ายกัมพูชาได้เข้ามาตั้งฐานปฏิบัติการ รวมถึงมีประชาชนเข้ามาตั้งบ้านเรือนและใช้ประโยชน์ในเชิงเกษตรกรรมในพื้นที่ชายแดนของไทย บริเวณบ้านชำราก ตำบลชำราก อำเภอเมือง จังหวัดตราด จำนวน 3 จุด

แม้ฝ่ายกัมพูชาจะทราบดีว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตอธิปไตยของประเทศไทย แต่กลับมีการครอบครองและใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่องหลายปี โดยไม่มีความคืบหน้าในการแก้ไข แม้ฝ่ายไทยจะเคยแจ้งประท้วงและยื่นหนังสือไปยังทางการกัมพูชาหลายครั้งแล้วก็ตาม

พลเรือตรีปารัชระบุว่า พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตที่ฝ่ายไทยอ้างสิทธิ์ตามบันทึกข้อตกลงความเข้าใจ พ.ศ. 2543 (MOU43) โดยเมื่อมีการตรวจพบการก่อสร้างและการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าว ทางกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) ได้ดำเนินการยื่นหนังสือประท้วงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ฝ่ายกัมพูชาออกจากพื้นที่ที่ยังไม่มีการปักปันเขตแดนอย่างเป็นทางการ

ล่าสุด ในการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ (Regional Border Committee - RBC) กับภูมิภาคทหารที่ 5 ทาง กปช.จต. ได้หยิบยกประเด็นการรุกล้ำพื้นที่อีกครั้ง โดยยืนยันว่า ฝ่ายไทยสามารถผลักดันกำลังของฝ่ายกัมพูชาออกจากพื้นที่รุกล้ำได้แล้ว

อย่างไรก็ตาม สิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ รวมถึงคูเรตที่ถูกขุดไว้ในพื้นที่ ยังคงไม่ได้รับการรื้อถอนหรือกลบคืนจากฝ่ายกัมพูชา ทำให้ขณะนี้กองกำลังไทยยังคงเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมเตรียมดำเนินมาตรการในระดับที่สูงขึ้น หากไม่มีความร่วมมือในการดำเนินการตามที่ได้ตกลงกันไว้

กองทัพเรือยืนยันว่า จะรักษาอธิปไตยของไทยอย่างเต็มที่ และดำเนินการทุกขั้นตอนตามกรอบของกฎหมายและการทูตอย่างรอบคอบ เพื่อไม่ให้กระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ขณะเดียวกันยังให้ความสำคัญกับการรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชนในพื้นที่ชายแดนอย่างเคร่งครัด