
ส.ส. ร่วมกันยื่นคำร้องต่อศาล อนุทิน-ณัฐพงษ์ ปมทำ MOA ยุบสภา แลกโหวตนั่งนายกฯ
วันที่ 7 กันยายน 2568 มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวน ส.ส. ทั้งหมด ได้ร่วมกันเข้าชื่อยื่นหนังสือต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ส่งคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยกรณีสมาชิกภาพของนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (2) ประกอบมาตรา 185 (1) และ (2)
หนังสือดังกล่าวได้ลงรับโดยสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2568 เวลา 11.38 น. เลขที่รับ 14239/2568 โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดสถานะเฉพาะตัวจากตำแหน่ง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (4) ประกอบมาตรา 160 (5)
หลังจาก น.ส.แพทองธาร พ้นตำแหน่ง คณะรัฐมนตรีชุดเดิมต้องพ้นทั้งคณะตามมาตรา 167 (1) และให้คณะรัฐมนตรีรักษาการต่อจนกว่าคณะใหม่จะเข้ารับหน้าที่ โดยให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่แทน
ในช่วงเปลี่ยนผ่าน พรรคภูมิใจไทยไม่สามารถรวบรวมเสียงข้างมากในสภาได้ (มีเพียง 146 จาก 492 เสียง) จึงได้ทำข้อตกลงกับพรรคประชาชน เพื่อให้ ส.ส. พรรคประชาชน สนับสนุนนายอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีเงื่อนไขหลัก 5 ข้อ
1. ต้องยุบสภาภายใน 4 เดือน หลังแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
2. จัดทำประชามติ กรณีศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าจำเป็นต้องมี ก่อนจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
3. หากไม่ต้องทำประชามติ ต้อง เร่งจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้ง
4. ห้ามพรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก
5. พรรคประชาชนจะทำหน้าที่ ฝ่ายค้านอย่างเต็มที่ และจะไม่มี ส.ส. ของพรรคเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรี
กลุ่ม ส.ส. ผู้ยื่นคำร้องให้เหตุผลว่า ข้อตกลงดังกล่าวถือเป็นการ
ขัดต่อ หลักการของระบอบประชาธิปไตย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 114 ที่กำหนดให้ ส.ส. ต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างอิสระ เพื่อประโยชน์ส่วนรวม มิใช่ภายใต้อาณัติมอบหมายหรือการครอบงำจากพรรคอื่น
ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 164 ที่กำหนดให้คณะรัฐมนตรีต้องทำงานด้วยความซื่อสัตย์ และเพื่อผลประโยชน์ของประเทศ ไม่ใช่ตามเงื่อนไขของข้อตกลงทางการเมือง
ขัดต่อเจตนารมณ์ของการมี รัฐบาลเสียงข้างมาก เพื่อให้มีเสถียรภาพในการบริหารประเทศ
นอกจากนี้ ยังระบุว่าข้อตกลงมีลักษณะ แลกเปลี่ยนผลประโยชน์ เพื่อให้ นายอนุทิน ได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งขัดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 46 รวมถึงฝ่าฝืนมาตรา 28 และ 29 ซึ่งห้ามมิให้พรรคใดควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำกิจกรรมของพรรคการเมืองอื่น
ผู้ยื่นคำร้องชี้ว่า หากพรรคภูมิใจไทยจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จภายใต้ข้อตกลงนี้ ถือเป็นการให้พรรคประชาชนก้าวก่ายแทรกแซงการใช้อำนาจของคณะรัฐมนตรี โดยมีลักษณะใช้สถานะ ส.ส. เพื่อผลประโยชน์ของพรรคหรือบุคคลอื่น และอาจกระทบงบประมาณของรัฐ เช่น การจัดเลือกตั้งใหม่ หรือการทำประชามติ
จากเหตุผลข้างต้น ผู้ยื่นคำร้องจึงเห็นว่าการกระทำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล และนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 185 (1) และ (2) ส่งผลให้สมาชิกภาพของทั้งสองในฐานะ ส.ส. สิ้นสุดลงตามมาตรา 101 (7)
ท้ายที่สุด กลุ่ม ส.ส. ได้อาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ขอให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยสถานะความเป็นสมาชิกภาพของทั้งนายอนุทิน และนายณัฐพงษ์ โดยขอให้สิ้นสุดลงเฉพาะตัว