
จับตา สามเสือรัฐบาล อนุทิน อยู่ร่วมถ้ำเดียวกัน
สุภาษิตไทยว่าไว้ เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ สื่อถึงการที่คนมีอำนาจมากพอ ๆ กันไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างราบรื่น แต่ในการเมืองไทยล่าสุด เรากลับได้เห็นภาพที่ตรงข้าม เสือสามตัว ที่ต่างก็มีอิทธิพล บารมี และจุดยืนของตัวเอง ยินดีเดินเข้าสู่ถ้ำเดียวกัน
สามเสือที่ว่า ได้แก่ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย, สุชาติ ชมกลิ่น แกนนำกลุ่ม ส.ส. ภาคตะวันออก และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า แกนนำกลุ่มการเมืองจากภาคเหนือ ซึ่งแต่ละคนต่างก็มีภูมิหลัง เส้นทาง และปูมหลังการเมืองที่น่าสนใจไม่น้อย
ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 32 จากพรรคภูมิใจไทย อนุทินเคยมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับทักษิณ ชินวัตร ในยุคไทยรักไทย ก่อนจะเกิดการแยกทางกันทางการเมือง นำมาสู่วลีเด็ด มันจบแล้วครับนาย ของเนวิน ชิดชอบ ซึ่งกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการเมืองไทย
ในการเลือกตั้งปี 2562 อนุทินเคยให้สัมภาษณ์ว่า ยังคงเคารพทักษิณในฐานะผู้มีพระคุณ แต่เมื่อถึงรัฐบาลเศรษฐาในปี 2566 ความร่วมมือกับเพื่อไทยก็เริ่มร้าว จากประเด็นบ่อนกาสิโน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และการแย่งชิงกระทรวงมหาดไทย โดยเฉพาะคลิปเสียง แพทองธาร-ฮุนเซน ที่หลุดออกมา จนนำไปสู่การที่อนุทินประกาศแยกตัวทันที พร้อมนำพรรคภูมิใจไทยไปสู่บทบาทฝ่ายค้าน
อดีตรัฐมนตรีแรงงานในรัฐบาลประยุทธ์ และอดีตแกนนำพรรคพลังประชารัฐ หลัง ลุงตู่ ถอนตัวจากการเมือง สุชาติย้ายมาอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมกลุ่ม ส.ส. อีก 18 คน แต่กลับไม่ได้รับตำแหน่งในสัดส่วนที่พอใจ
แม้มี ส.ส.ในมือมาก แต่กลับได้รับตำแหน่งเพียงรัฐมนตรีช่วย ในขณะที่คนอื่นที่มี ส.ส.น้อยกว่าได้เป็นรัฐมนตรีว่าการ ยิ่งเมื่อโผ ครม. เปลี่ยนกระทันหันจากรัฐมนตรีช่วยมหาดไทย กลับไปอยู่ที่เดิม ทำให้ความไม่พอใจปะทุขึ้นอีกครั้ง จนนำไปสู่การตัดสินใจสนับสนุนอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรี แม้ชื่อยังอยู่ในพรรครวมไทยสร้างชาติ แต่จิตใจชัดเจนว่าไปอยู่กับฝ่ายใหม่แล้ว
อดีตคนใกล้ชิดทักษิณจากยุคไทยรักไทย ผ่านประสบการณ์ทางการเมืองหลากหลายพรรค ตั้งแต่พลังประชาชน เพื่อไทย พลังประชารัฐ จนล่าสุดคือพรรคกล้าธรรม
เคยเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลประยุทธ์ และมีบทบาทสำคัญในเกมสภา ก่อนจะมีปัญหากับ พล.อ.ประยุทธ์ และถูกปลดจากตำแหน่ง จากนั้นกลับมาอีกครั้งในรัฐบาลเศรษฐา แต่ความสัมพันธ์กับ พล.อ.ประวิตร ก็ร้าวลึก จนถึงขั้นถูกขับออกจากพรรค
แม้จะหวนมาร่วมงานกับทักษิณอีกครั้ง แต่ภายหลังจากที่ธรรมนัสตัดสินใจหนุนอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรี กลับมีวลีจากทักษิณว่า ผิดที่ไว้ใจมากเกินไป ซึ่งสะท้อนความผิดหวังและการแตกหักอีกครั้งระหว่างคนเคยสนิท
แม้ สุชาติ และ ธรรมนัส เคยมีปัญหากันในอดีต โดยเฉพาะในช่วงวิกฤต แจกกล้วยในสภา แต่สุดท้ายก็เคลียร์ใจกันได้ และกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งในวันนี้
การที่ทั้งสาม อนุทิน, สุชาติ, ธรรมนัส ผนึกกำลังทางการเมือง ถือเป็นการรวมตัวของ เสือจาก 3 ภูมิภาค ที่ต่างมีฐานเสียง อิทธิพล และแนวทางชัดเจน เป็นภาพใหม่ของเกมการเมืองที่น่าจับตาอย่างยิ่ง
แต่คำถามสำคัญคือ สือสามตัวอยู่ในถ้ำเดียวกันได้นานแค่ไหน? เพราะการเมืองไทยเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน มิตรวันนี้อาจกลายเป็นศัตรูในวันหน้า
สุดท้าย คงต้องจับตาดูว่า การผนึกกำลังของสามเสือครั้งนี้ จะนำไปสู่เสถียรภาพใหม่ทางการเมือง หรือเป็นเพียงแค่ฉากหนึ่งในละครการเมืองที่เปลี่ยนบทได้ทุกเวลา.