วันที่ 4 กันยายน 2568 เกิดเหตุการณ์ตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน บ้านหนองจาน และบ้านหญ้าแก้ว ตำบลโนนหมากมุ่น อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว หลังจาก นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ทำหนังสือถึง นายอม เรียมเตรย ผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา ขอให้ย้ายชาวกัมพูชาราว 170 ครัวเรือน ที่บุกรุกเข้ามาสร้างบ้านเรือนในเขตอธิปไตยของไทยออกไปโดยด่วน

หากทางกัมพูชาไม่ดำเนินการ จังหวัดสระแก้วจะใช้มาตรการตามกฎหมายของไทยทันที

แต่เพียงวันเดียวถัดมา (3 ก.ย.) ทางจังหวัดบันเตียเมียนเจยได้มีหนังสือตอบกลับอย่างเป็นทางการ โดยปฏิเสธคำขอของฝั่งไทย พร้อมอ้างว่าการกระทำฝ่ายเดียวของไทย เป็นการละเมิด MOU 43 ที่ลงนามไว้เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2568 จึงควรปล่อยให้เป็นอำนาจของ คณะกรรมการชายแดนไทย-กัมพูชา (GBC) และ คณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) เป็นผู้พิจารณา

จังหวัดสระแก้วจึงได้ติดป้ายประกาศ 3 ภาษา (ไทย, เขมร, อังกฤษ) หันหน้าไปทางกัมพูชา เพื่อแจ้งให้ชาวกัมพูชาที่ยึดพื้นที่ในฝั่งไทยทราบว่า หากไม่รื้อถอนและออกจากพื้นที่โดยสมัครใจ จะมีการดำเนินคดีตามกฎหมายของไทย

การประกาศดังกล่าว สร้างความไม่พอใจอย่างรุนแรงในหมู่ชาวกัมพูชา

เวลา 09.30 น. บริเวณ หลักเขตแดนที่ 46 ทหารกัมพูชาได้เกณฑ์ชาวบ้านกว่า 100 คน พร้อมอาวุธไม้ท่อนยาว มาปักหลักกดดันทหารไทยที่ดูแลพื้นที่ พร้อมทั้งมีการตะโกนขับไล่ และอ้างว่าบริเวณนั้นเป็นดินแดนของกัมพูชา

กลุ่มชาวบ้านบางส่วนมีท่าทีคล้ายทหารปลอมตัว โดยมีการใช้ผ้าปิดหน้า พกวิทยุสื่อสาร และเป็นผู้นำในการเดินประชิดแนวทหารไทย

แม้จะถูกผลักอกและยั่วยุ แต่ทหารไทยยังคงวางตัวอย่างสงบ อดทนอดกลั้น และหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าอย่างถึงที่สุด

หลังจากนั้นไม่นาน กลุ่มชาวบ้านกัมพูชาได้เริ่มเปลี่ยนแนวทาง โดยนำ ผู้หญิงและเด็ก มายืนแนวหน้ากระแทกกับแนวทหารไทยที่ยืนรักษาการอยู่ด้านหลัง เป็นการกดดันทางภาพลักษณ์ให้ไทยไม่กล้าดำเนินการใดที่รุนแรง

ต่อมา เวลาประมาณ 11.00 น. ชุดควบคุมฝูงชนจากกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว ได้เข้าพื้นที่พร้อมอุปกรณ์ดูแลสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันเหตุลุกลาม

ช่วงสายวันเดียวกัน พล.ท. อัมฤทธิ์ บุญสา แม่ทัพภาคที่ 1 ได้เดินทางด่วนลงพื้นที่บ้านหนองจาน เพื่อติดตามสถานการณ์ พร้อมให้สัมภาษณ์สั้น ๆ โดยระบุว่า:

อย่าไปหลงกลเขา เพราะเขาต้องการให้เราลงมือก่อน เราต้องแยกประชาชนออกจากผู้นำเขมรให้ได้... แต่หากมีการข้ามแดนเข้ามาจริง เราต้องดำเนินการตามกฎหมายแน่นอน