วันที่ 4 กันยายน 2568 เวลา 09.00 น. พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เดินทางไปยัง หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ ร.9 วิทยาลัยอาชีวศึกษานครราชสีมา เพื่อบรรยายพิเศษในหัวข้อ อาชีวะอาสา เสริมสร้างอธิปไตย ประเทศไทยให้มั่นคง โดยมีคณาจารย์และนักศึกษาจาก 26 สถานศึกษาในสังกัดสำนักงานอาชีวศึกษาจังหวัดนครราชสีมาเข้าร่วมฟังแน่นหอประชุม

ระหว่างการบรรยาย พลโทบุญสินได้กล่าวถึงความสำคัญของการมีจิตสำนึกในบุญคุณของบรรพบุรุษและพระมหากษัตริย์ผู้ปกป้องผืนแผ่นดิน โดยระบุว่า

แม้แค่การยืนร้องเพลงชาติหรือเพลงสรรเสริญพระบารมี ก็ควรทำด้วยความภาคภูมิใจ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน แม้ในโรงภาพยนตร์ก็ตาม

พร้อมเล่าประสบการณ์ส่วนตัวว่า ทุกครั้งที่ไปโรงหนัง มักพบว่ามีคนลุกขึ้นยืนร้องเพลงสรรเสริญฯ เพียงไม่กี่คน และตนเป็นหนึ่งในนั้น เพราะเห็นว่าเป็นการแสดงความเคารพต่อบ้านเกิดและสดุดีทหารกล้าที่เสียสละเพื่อชาติ

ในอีกช่วงหนึ่งของการบรรยาย แม่ทัพภาคที่ 2 ได้กล่าวถึงสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยย้ำว่า

ตอนนี้ยังไม่ถือว่าสงบ เป็นเพียงการ หยุดยิงชั่วคราว เท่านั้น ความขัดแย้งยังไม่สิ้นสุดอย่างแท้จริง

พร้อมทั้งกล่าวถึงคำว่า เสียม ซึ่งชาวกัมพูชาใช้เรียกคนไทย และในภาษาอีสานมีความหมายว่า แหลมคม โดยแม่ทัพฯ ระบุว่าจะใช้คำนี้เป็น สัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งในการปกป้องแผ่นดินไทย

หลังจบการบรรยาย พลโทบุญสินให้สัมภาษณ์กับว่า ในช่วงเวลาที่ชายแดนยังสงบชั่วคราว ตนได้ใช้โอกาสนี้ลงพื้นที่บรรยายพิเศษในสถานศึกษาต่าง ๆ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้แก่กำลังพล และอธิบายข้อสงสัยที่เกิดขึ้นในสังคม

สำหรับคำถามเรื่อง แนวคิดสร้างกำแพงกั้นเขตแดน แม่ทัพภาคที่ 2 ระบุว่า

สามารถทำได้ในเชิงเทคนิค แต่ต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาล และการเห็นชอบร่วมกันของไทยกับกัมพูชา

ได้มีการถามปิดท้ายแบบแซว ๆ ว่า หากหลังเกษียณมีค่ายเพลงมาติดต่อให้เป็นนักร้อง จะตอบรับหรือไม่? แม่ทัพบุญสินหัวเราะและตอบว่า

ไม่รับครับ เพราะไม่ถนัด และผมเป็นทหารอาชีพ