
หมอมนูญ แฉปมร้อนสะเทือนวงการ วัดพระบาทน้ำพุ พยาบาลโดนขู่ ยาต้านหาย
เรียกได้ว่า หลายคนคงรู้จัก กับ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคติดเชื้อ อย่าง นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ ล่าสุด หมอมนูญ ได้ออกมาแชร์บทความข่าวเมื่อปี 2014 ผ่านเฟซบุ๊ก หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ เกี่ยวกับประเด็นโรคเอดส์ พร้อมเขียนข้อความว่า ช่วงนี้ วัดพระบาทน้ำพุ กลับมาเป็นประเด็นอีกรอบ เลยอยากจะแชร์บางช่วงบางตอนของบทความชื่อ วัดเอดส์ถูกจับตาอีกครั้ง ที่ เรา เขียนลงใน Bangkok Post เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2557
โดย บทความดังกล่าว พูดถึงประสบการณ์ของพยาบาล ที่เคยทำงานดูแลผู้ป่วยโรคเอดส์ระยะสุดท้ายที่ วัดพระบาทน้ำพุ ในช่วงปี 2546-2547 วัดพระบาทน้ำพุมีบทบาทในการดูแลผู้ป่วยโรคเอดส์ แต่กลับถูกวิจารณ์ว่า ใช้ประโยชน์จากผู้ป่วย แบบไม่ให้การดูแลตามที่ควรจะเป็น แม้บางครั้งผู้ป่วยสามารถเข้าถึงยาต้านไวรัสในระบบสาธารณสุขได้ฟรีก็ตาม
ซึ่ง เลสลีย์ พยาบาลชาวสวิส ที่ทำงานอยู่วัดพระบาทน้ำพุ ได้เผยว่า ในช่วงแรกพวกเขาสามารถจัดหายาต้านไวรัสให้กับผู้ป่วยได้ แต่หลังจากนั้นยาต้านหายไป และพวกเขา ไม่ได้รับอนุญาตให้ตรวจโลหิต หรือ ดูแฟ้มเวชระเบียน และมีผู้ป่วยจำนวนมาก ถูกปล่อยทิ้งในสภาพน่าสงสาร ไม่มีการดูแลจากญาติ และบางครั้งถูกข่มขู่หากพยายามให้ความช่วยเหลือ เลสลีย์ เล่าต่อว่า มีคนบอกให้หยุดจ่ายยาต้าน และออกไปจากที่นี่ ไม่อย่างนั้นจะถูกx่า และเหตุการณ์ที่ทำให้ เธอ ตัดสินใจออกจากวัดในเดือนพฤศจิกายน 2547 คือ เมื่อยางรถจักรยานยนต์ของ เธอ ถูกกรีดจนแบน หลังจากนั้นไม่มีแพทย์ หรือ พยาบาลคนไหนทำงานที่วัดอีกเลย
การสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่วัด พบว่า 95% ของผู้ป่วยถูกทิ้งที่วัด ไม่มีญาติมาเยี่ยม บางครอบครัวยังไม่รู้ว่า มียาต้านไวรัสฟรีในโรงพยาบาล และผู้ป่วยถูกปล่อยให้เสียชีวิตอย่างไร้โอกาสได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม
สุดท้าย เลสลีย์ สรุปว่า วัดพระบาทน้ำพุ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับศาสนา แต่เกี่ยวกับการหลีกเลี่ยงตราบาปทางสังคม จากผู้ป่วยโรคเอดส์ที่ถูกทิ้งให้เสียชีวิตในที่นั้น บางครอบครัวเลือกที่จะไม่ดูแลลูกหลานที่ติดเชื้อ เพื่อให้ความอับอายหายไปจากวงศ์ตระกูล
ภาพ จาก หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์
ขอบคุณข้อมูล จาก Bangkok Post
เรียบเรียงโดย news.in.th