อยู่ไม่ได้แล้ว ชาวกัมพูชาอพยพกลับบ้านเกิด เฉลี่ยวันละ 2 - 3 หมื่นคน

อยู่ไม่ได้แล้ว ชาวกัมพูชาอพยพกลับบ้านเกิด เฉลี่ยวันละ 2 - 3 หมื่นคน

เช้าวันที่ 9 สิงหาคม 2568 บรรยากาศที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด ต.คลองใหญ่ อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ค่อนข้างบางตาเมื่อเทียบกับวันก่อน โดยมีแรงงานชาวกัมพูชารอข้ามแดนเพียงราว 200 คน เจ้าหน้าที่จึงสามารถจัดระบบและระบายคนข้ามฝั่งได้ภายในเวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมง นับตั้งแต่เริ่มเปิดด่านเวลา 09.00 น.

ขณะเดียวกัน บริเวณด่านถาวรบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน สถานการณ์ต่างออกไปอย่างชัดเจน มีแรงงานกัมพูชารวมตัวรอตั้งแต่กลางดึก โดยมียอดผู้เดินทางกลับในวันนี้ราว 2,000 คน เจ้าหน้าที่เปิดประตูฝั่งไทยแบบ ครึ่งบาน ทยอยปล่อยข้ามทีละกลุ่ม เริ่มจากผู้สูงอายุและผู้พิการก่อน ทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชา รวมถึงรถบัสและรถรับจ้างหลายสิบคันฝั่งกัมพูชาพร้อมรับตัวกลับอย่างเป็นระบบ

จากข้อมูลของฝ่ายปกครองในพื้นที่ ระบุว่า ตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีแรงงานชาวกัมพูชาทยอยเดินทางกลับประเทศเฉลี่ยวันละ 20,000 - 30,000 คน รวมตัวเลขสะสมกว่า 300,000 คนแล้ว

ชาวกัมพูชาส่วนใหญ่เดินทางกลับพร้อมสัมภาระจำนวนมาก บางรายยังพาสัตว์เลี้ยงติดตัวไปด้วย เนื่องจากไม่ทราบแน่ชัดว่าจะสามารถเดินทางกลับมาไทยได้เมื่อใด จึงเลือกขนข้าวของกลับไปให้ครบ ขณะที่แรงงานบางส่วนเป็นเด็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วย ทำให้การเดินทางลำบาก เจ้าหน้าที่ไทยทุกหน่วยงานจึงยึดหลักมนุษยธรรมในการดูแลอย่างเต็มที่

ที่ผ่านมา การดูแลของฝ่ายไทยได้รับคำชมจากหลายฝ่าย ทั้งในประเทศและจากกัมพูชา ว่าเป็นการปฏิบัติต่อเพื่อนบ้านที่เหมาะสมและเป็นแบบอย่างของความมีมนุษยสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเทพนิมิต เปิดเผยว่า ได้ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายในพื้นที่ เพื่อดูแลแรงงานกัมพูชาที่เดือดร้อนทั้งจากในพื้นที่และจากจังหวัดอื่น ๆ โดยเน้นย้ำว่าการดูแลจะเป็นไปตามหลักมนุษยธรรมอย่างดีที่สุด

พร้อมกันนี้ ได้ฝากถึงรัฐบาลกลางให้เร่งแก้ไขปัญหาบริเวณชายแดนโดยเร็ว เนื่องจากสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะห่วงโซ่แรงงานภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมขนาดย่อม

หญิงชาวกัมพูชาวัย 19 ปี หนึ่งในแรงงานที่เดินทางกลับ เผยว่า เธอเดินทางมาจาก จ.ชลบุรี เพื่อกลับบ้านตามคำขอของญาติที่เป็นห่วงสถานการณ์ พร้อมระบุว่าอาจไปหางานใหม่ที่กัมพูชาแทน และจะตัดสินใจอีกครั้งว่าจะกลับมาไทยหรือไม่ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในอนาคต

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ