
ตร.เตรียมพร้อมขั้นสูงสุด รับมือวิกฤตชายแดนไทย–กัมพูชา
จากเหตุปะทะรุนแรงต่อเนื่องตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) แถลงเมื่อช่วงเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ว่า ขณะนี้สถานการณ์ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติและความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ชายแดนโดยตรง จึงได้มีคำสั่งเร่งด่วนให้หน่วยงานในสังกัดเตรียมความพร้อมขั้นสูงสุด เพื่อรองรับสถานการณ์อย่างมีประสิทธิภาพ
โดย ผบ.ตร. ได้สั่งการให้หน่วยที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ตำรวจภูธรภาค 2 และ 3, ตำรวจตระเวนชายแดน, ตำรวจสอบสวนกลาง, ตรวจคนเข้าเมือง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปฏิบัติการตาม แผนพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลังและการอพยพประชาชน(แผนกรกฎ/67) อย่างเคร่งครัด
สาระสำคัญของแผนฯ ที่ตำรวจต้องเร่งดำเนินการ
1. ควบคุมความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ส่วนหลัง
ตั้งจุดตรวจ จุดสกัด และสายตรวจครอบคลุมเส้นทางอพยพ รวมถึงจุดยุทธศาสตร์สำคัญเพื่อป้องกันความวุ่นวาย
2. สนับสนุนการอพยพประชาชน
อำนวยความสะดวกด้านจราจร ดูแลกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วย และผู้พิการ พร้อมดูแลความปลอดภัยในศูนย์พักพิง
3.วิเคราะห์สถานการณ์และหาข่าว
ประเมินภัยคุกคามร่วมกับหน่วยข่าวกรองไทย–ต่างประเทศ สืบสวนกิจกรรมต้องสงสัยที่อาจเป็นภัยต่อความมั่นคง
4. เตรียมพร้อมด้านกำลังและอุปกรณ์
ซักซ้อมแผนปฏิบัติจริง ทั้งในห้อง (TTX) และภาคสนาม (Field Exercise) พร้อมอุปกรณ์สื่อสาร ยานพาหนะ และเครื่องมือช่วยชีวิต
5. สื่อสารความเสี่ยงสู่ประชาชน
ใช้ทุกช่องทางตั้งแต่หอกระจายข่าว วิทยุชุมชน จนถึงสื่อออนไลน์ เพื่อสร้างความเข้าใจและลดความตื่นตระหนก
6. บังคับใช้กฎหมายอย่างมีมนุษยธรรม
ตำรวจต้องยึดหลักนิติธรรม เคารพสิทธิมนุษยชน ห้ามเลือกปฏิบัติ และต้องมีบันทึกการควบคุมตัว-ค้นอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้
7. ประสานงานและบูรณาการทุกภาคส่วน
ทำงานร่วมกับฝ่ายปกครอง ทหาร สาธารณสุข และประชาชน ผ่านชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจ เพื่อควบคุมสถานการณ์อย่างเป็นเอกภาพ
ผบ.ตร. ย้ำว่า แผนนี้สะท้อนบทบาทของตำรวจในฐานะ ด่านหลัง ที่ต้องแข็งแกร่ง พร้อมรองรับสถานการณ์ชายแดนที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว โดยมุ่งเน้นทั้งความเป็นมืออาชีพ การเคารพสิทธิประชาชน และการทำงานตามกรอบกฎหมายอย่างเข้มงวด