น้ำตาซึม! นุ่น ศิรพันธ์ ขอบคุณที่จำหนังเรื่อง เพื่อนสนิทได้ บทดากานดายังคงอยู่ในความทรงจำ

น้ำตาซึม! นุ่น ศิรพันธ์ ขอบคุณที่จำหนังเรื่อง เพื่อนสนิทได้ บทดากานดายังคงอยู่ในความทรงจำ

จากกระแสที่แฟนคลับกำลังพูดถึงอีกครั้ง สำหรับหนังรักในใจใครหลายๆ คนอย่าง เพื่อนสนิท เมื่อซิงเกิลล่าสุดจากอัลบั้ม BOYdPOD // OST Side B ที่ได้ 2 ศิลปินคุณภาพ ป๊อด ธนชัย และ บิวกิ้น โดย 2 ตัวละครที่หลายคนคิดถึงอย่าง ดากานดา รับบทโดย นุ่น ศิรพันธ์ และ ไข่ย้อย รับบทโดย ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ กลับมาเจอกันอีกครั้งในรอบ 20 ปี

ล่าสุด นุ่น ศิรพันธ์ ได้มาร่วมงานเปิดตัวซีรีส์ TASTE เด็กเจนแซ่บ พร้อมให้สัมภาษณ์ความรู้สึกหลังจากหนังเรื่องเพื่อนสนิทกลับมาถูกพูดถึงอีกครั้งว่า ขอใช้เวทีนี้ขอบคุณค่ะ ขอบคุณที่ยังมีดากานดาอยู่ในความทรงจำนะคะ เพราะว่าเอ็มวีจะไม่ทำงานเลยถ้าเกิดพื้นฐานคนลืมดากานดา กับไข่ย้อย หรือว่าลืมเพื่อนสนิทไปแล้ว ขอบคุณที่จำหนังเรื่องเพื่อนสนิทได้ คือตอนนุ่นฟังเพลงก็น้ำตาซึมนะแต่ที่ร้องไห้ก็คืออ่านคอมเมนต์ทุกคอมเมนต์เลย พยายามอ่านทุกช่องทางอาจจะอ่านได้ไม่หมดแบบส่วนใหญ่คือทุกคนอยู่ในช่วงเวลาเดียวกับนุ่น เหมือนแบบเคยดูดากานดาเคยดูเพื่อนสนิท เคยมีไข่ย้อยในชีวิต เคยมีโมเมนต์แบบนี้ ขอบคุณมากดีใจค่ะ

เอ็มวีนี้เพลงนี้พาย้อนกลับไป 20 ปีที่แล้ว?

ใช่ๆ มันเป็นการย้อนรำลึกถึง มันเป็นความคิดถึงเนาะซึ่งถ้าย้อนกลับไปขอบคุณพี่บอยกับพี่ป๊อดมากๆ ที่ให้เกียรตินุ่นมาอยู่ สำคัญนะคะขอบคุณคุณซันนี่ ฉันขอบคุณคุณอีกครั้งอย่างเป็นทางการที่คุณรับงานนี้

ได้มีพูดคุยกับซันนี่ไหม?

ก็ซันนี่ส่งไลน์มาบอกว่าดีใจเนาะคนรักเพื่อนสนิทเยอะจังไม่น่าเชื่อมันเป็นความคิดเหมือนกันเลย แล้วก็มีโอกาสแชทกับพี่เงาะ ครูเงาะ ก็คือทุกคนคิดถึง ทุกคนมีความคิดถึงด้วยกัน

มีคนพูดถึงเทคนิคในการเล่นเอ็มวีนี้ของนุ่นด้วยที่ไม่ต้องมีคำพูดอะไรเลยแต่สื่อออกมาได้หมดเลย?

นุ่นว่าต้องให้เครดิตผู้กำกับ คือมันก็ไม่ได้เทคนิคหรอกเพียงแต่ว่าเราก็คิดถึง ถ้าพูดตามตรงก็เป็นเหมือนแฟนดากานดาและก็เป็นแฟนไข่ย้อยอ่ะค่ะ แค่รู้สึกว่าจะได้เจอเพื่อนแล้วปล่อยให้เป็นไปจริงๆ มันเป็นอารมณ์จริงๆ ณ ตอนนั้น

นึกถึงที่เคยเล่นไหม?

คืออาจจะเป็นเพราะว่าบทดากานดาสำหรับนุ่นมันเป็นมากกว่าตัวละครที่นุ่นเคยรับงานมา มันเป็นเหมือนงานชิ้นแรก มันมีความหมายกับนุ่นมากก็เลยลองปล่อยให้เค้าเป็นตัวละครจริงๆ แบบไม่ต้องคิดเทคนิคไม่ต้องวางภาพ ก็คือเหมือนบอกกับตัวเองว่าถ้าเราเป็นดากานดาแล้วเราปล่อยโมเมนต์ก็เลยออกมาอย่างที่เห็นจริงๆ ต้องขอบคุณผู้กำกับมากกว่าค่ะที่ทำให้ภาพมันออกมาสื่อสารขนาดนั้น

ฟีดแบ็กน้องๆ เป็นไงบ้างพอได้เห็นความรักในตอนนั้น?

นุ่นว่ามันคงไม่ได้ฟีดแบ็กตรงขนาดนั้นแต่ว่ามันเป็นเหมือนคนละความเร็วคนละวิธีการสื่อสารมากกว่าค่ะ ขนาดนุ่นกลับมาดูเองในวันที่อายุ 43 แล้วเรายังรู้สึกว่าแต่ในช่วงเวลามันทอดอารมณ์ถ้าคนกลับไปดูเนาะบางซีนมันปล่อยให้ตัวละครเดินนั่งเฉยๆ แต่เด็กยุคนี้หรือคนยุคนี้นะคะมีอะไรก็พูด ไม่พอใจก็บอก ชอบก็บอก บอกเลยนะไม่งั้นจะเสียเวลาซึ่งมันก็คนละวิธีกันแต่นี้เป็นความแตกต่างของช่วงเวลาค่ะ

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ